wowboom

เพื่อเป็นการต้อนรับปีมังกรในปีนี้ ดอกี้ด็อก ฮอตดอกส์ (DougieDog Hot Dogs) ร้านฮอตด็อกชื่อดังในแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา จึงทำฮอตด็อกที่แำพงที่สุดในโลกเพื่อฉลองปีมังกร ฮอตด็อกสุดแพงนั้นมีชื่อ Dragon Dog

อัญมณี จากฟากฟ้า

คุณจะเชื่อหรือเปล่าว่าสิ่งที่เห็นอยู่ในช้อนนี้มันล่วงมาจากฟากฟ้า

รายละเอียด

---

• สิ่งที่เห็นในภาพจั่วหัวนี้ค้นพบที่สวนในบ้านของ นาย Steve Hornsby วัย 61 วิศวกรอากาศยาน พักอยู่ที่ Bournemouth เมือง Dorset ประเทศอังกฤษ
• เขากล่าวว่าอยู่ๆท้องฟ้าก็เปลี่ยนไปมีลักษณะประหลาดสีเหลืองคล้ำ และเกิดพายุลูกเห็บเป็นระยะเวลาสั้นประมาณ 20 วินาที จนเข้าต้องวิ่งหลบหาที่กำบัง
• ฉันเห็นลูกเห็บตก เมื่อทุกอย่างสงบฉันดูที่สนามก็พบเหมือนเศษแก้วแตกตกอยู่ตอนแรกคิดว่าคงเป็นผลงานของเด็กๆ
• แต่เมื่อฉันเดินไปเหยียบเศษแก้วเหล่านั้นฉันกับพบว่ามันแหลกสลายหายไป ฉันคิดว่ามันชักจะแปลกๆและพวกมันไม่ใช่เศษแก้วแน่ และเมื่อมองไปรอบก็พบพวกมันมากมายบนสนาม แน่นอนก่อนหน้าพายุในสนามไม่มีวัตถุประหลาดพวกนี้แน่นอน
• วัตถุประหลาดนี้มีลักษณะเป็นวุ้นนิ่มๆ จนแทบจะหยิบขึ้นมาไม่ได้ และพวกมันก็แตกเสียหายเป็นส่วนใหญ่
• โดยมีพวกที่มีสภาพสมบูรณ์ จะมีลัษณะเหมือนไข่ มีสีฟ้าใสเหมือนอัญมณี ไม่มีกลิ่น ไม่ละลายน้ำ และไม่ลอยน้ำ ที่สมบูรณ์มีจำนวน 20 ก้อนที่เขาได้เก็บมันไว้ในขวดโหลเพื่อจะได้นำไปพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์
• โดยส่วนตัวผมคิดว่าพวกมันเป็น สารเคมีบางอย่างที่เป็นมลภาวะในชั้นบรรยากาศ ที่กลั่นตัวเป็นของแข็งแล้วตกลงมาเมื่อเกิดพายุลูกเห็บ
• Josie Pegg ผู้ช่วยนักวิจัยวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัย Bournemouth คาดว่ามันน่าจะเป็นไข่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในทะเลที่นกคาบมาแล้วนกเกิดพลัดเข้าไปในพายุแล้ว ไข่หลุดล่วงมา
• ส่วน Gavin Pretor-Pinney จากสมาคมเมฆ the Cloud Appreciation Society คาดว่ามันคงเป็นอะไรซักอย่างที่บังเอิญเกิดมีพายุงวงช้าง(water-spout)ดูดมันขึ้นมาจากพื้นลอยมาเมื่อพายุอ่อนแรงพวกมันก็ล่วงลงมา

ตู้ทิ้งเด็กทารก ใน รัสเซีย

อ่านแล้วจะดีใจ หรือ เสียใจดี กับเรื่องนี้เนื่องจากขณะนี้ทาง รัสเซียได้ทำการติดตั้งตู้ทิ้งเด็กทารก และกำลังรณรงณ์ให้แม่ใจร้ายนำเหล่ามารหัวขนมาทิ้งในตู้ทิ้งเด็ก แทนทิ้งไว้ในถังขยะ

วันนี้เข้า fb เห็นคนมาโฟสท์การพูดคุยกันระหว่าง ซิมซิมิ(simsimi คิดว่าอ่านอย่างนี้ไม่รู้ถูกหรือเปล่า ตัวกลมสีเหลือง) ก็อดสงสัยไม่ได้ว่ามันเป็นอะไรถามพี่กูก็ได้เว็บนี้มา http://www.simsimi.com เข้ามามันก็ทักทายอย่างสนิทสนมกับผมว่า Hi และนี้คือผลการปะทะคารมระหว่าง Admin DEN กับ Simsimi(ซิมซิมิ อับดุลห์ภาคเกาหลี)

• สรุปว่ามันกวนดีทีเดียว
• แต่ ก็ออกลูกมึนเป็นระยะถ้าเจอนำถามที่ไม่ได้โปรแกรมไว้(เมื่อมึนจะตอบ I have on response)
• แต่ ถึงจะกวนแต่ก็แอบว่านอนสอนง่าย ไล่ไปนอนมันก็ไป

อ้างอิงเว็บ : http://www.simsimi.com

หลายคนอาจจะสงสัยว่า wowboom หายไปไหนมา 2 วันเต็มๆ(ศ.27/01/2555ช่วงเย็น-อา.29/01/2555ช่วงเย็น) สาเหตุมาจากผมถูกบอทอัตโนมัติของ blogger มองว่ามีพฤติกรรมของ spam blog จึงถูกแบนแบบสายฟ้าแลบ ผมได้ทำการอุทธรณ์ไปและทุกอย่างก็คลี่คลายเรียบร้อย wowboom จึงกลับมาอีกครั้ง

• ขอบคุณทุกแรงกำลังใจใน facebook
• ขอบคุณทุกคนที่ติดตามบทความของผม
• ขอบคุณ Blogger ที่ให้โอกาสอีกครั้ง

By Admin DEN

29/01/2012 ; 20:18

กีฬาปีนน้ำตก

Winter in 2007 - 2008 ในฤดูหนาวปี 2007 - 2008 น้ำตก Fang ใน Vail Colorado ได้ก่อตัวเป็นเสาน้ำแข็งขนาดใหญ่ สูงกว่า 50 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางกว่า 8 เมตร บริเวณฐาน ซึ่งทำให้มันเป็นแหล่งปีนหน้าผาน้ำแข็งยอดนิยมใน อเมริกา ในฤดูหนาว

ข้อมูลอ้างอิง หากคุณชอบปีนหน้าผา คุณจะต้องชอบปีนน้ำ ที่นี้แน่นอน

---

• http://eamazings.com/index.php/eamazings/climbing-up-the-giant-ice-fang.html

wowboom เคยนำเสนอบทความว่าในเปลวเทียนนั้นมี เพชร อยู่มาแล้วครั้งหนึ่งคราวนี้มาดูว่าในควันเทียนนั้นก็มีอะไรที่น่าตื่นตา ตื่นใจไม่แพ้กัน

---

• ภาพที่เห็นเป็นผลงานการถ่ายภาพโดยนาย Grover Schrayer ที่จับภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่ง ว่าในควันเทียนนั้นก็มี รุ้ง อยู่
• เขาใช้กล้อง Fuji Finepix S8100fd ติดตั้งเลนส์มาโคร ของ Raynox รุ่น M-250 ความเร็วซัคเตอร์ 1/1000
• การถ่ายภาพใช้แสงแฟลชที่ติดตั้งมากับกล้อง และแสงแฟลชนี้ ที่ก่อให้เกิดรุ้งในควันเทียน
• เนื่องจากแสงแฟลร์เกิดการหักเหแสง(Refraction) กับละอองขี้ผึ้ง(Wax)
• ความยากของการถ่ายภาพนี้อยู่ที่มีเพียงบางมุมที่ยิงแสงแฟลชเท่านั้นที่จะทำให้เห็น รุ้งในควันเทียนนี้ และยิ่งยากยิ่งที่จะหาโฟกัสภาพให้ได้ภาพที่ชัดเจน
• เมื่อหาโฟกัสได้ก็กดปุ่มค้างไว้แล้ค่อยเป่าเทียนให้ดับ แล้วรีบกดชัดเตอร์ แต่ผลงานที่ได้นั้นน้อยนักที่จะงดงามเช่นในภาพนี้

---

• http://www.mymodernmet.com/profiles/blogs/rainbow-captured-in-candle-smoke

- สายพันธุ์นี้มีชื่อว่า Quagga มันถูกจัดอยู่ในกลุ่มของม้าลาย มันมีลายของม้าลายที่ส่วนคอถึงกลางตัวของร่างกาย ส่วนร่างกายท่อนหลังไม่ลายและเป็นสีน้ำตาลเหมือนม้า

ฟิลลิปส์โชว์ เทคโนโลยี่ใหม่ รถพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ใช้แผงโซล่าเซลโปร่งแสง แถมแผงโซล่าเซลล์นี้ยังสามารถกลายเป็นไฟแสงสว่างได้ในยามค่ำคืน

---

• ถ้ากล่าวถึงแผงเซลล์สุริยะ(โซล่าเซลล์)แบบเดิม ก็คงนึกถึงแผ่นอะไรสีดำๆ มันช่างดูไร้ซึ่งความงดงามอย่างยิ่งถ้าจะนำมาสร้างเป็นรถหรู ราคาแพง
• ทำ ฟิลิปส์ และบริษัทเคมีภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ BASF ได้ร่วมกันซุ้มพัฒนา แผงโซล่าเซลล์แบบใหม่มีลักษณะเป็นแผ่นใสโปร่งแสง และยังมีความสามารถเป็นไฟแสงสว่างได้ในตัว
• ฉะนั้นเมื่อนำแผงโซล่าเซลล์โปร่งแสงนี้ไปติดบนหลังคารถมันก็เหมือนเป็น ซันลูฟ(Sum roof) ในรถหรูในตอนกลางวัน ทั้งยังเป็นไฟแสงสว่างภายในรถได้ในตัวยามค่ำคืน
• แผงโซล่าเซลล์โปร่งแสงนี้ ประกอบไปด้วย วัสดุที่ซ้อนทับกันเป็นชั้น โดยชั้นนอกเป็นแผ่นแอลอีดีออร์แกนนิค(Organic LED panels ; OLED เป็นวัดสุที่ใช้บนหน้าจอโทรศัพท์สมาร์ทโฟนในปัจจุบัน) ตรงกลางแทรกด้วย แผงโซล่าเซลล์
• แต่ข้อมูลรถที่ใช้แผงโซล่าเซลล์ใหม่นี้ยังไม่เป็นที่เปิดเผยจากทั้งทาง ฟิลิปส์ และ BASF

---

• เครื่องบินที่มีผนังเป็นแผ่นโปร่งแสง จาก แอร์บัส
• วัสดุชนิดใหม่ อลูมิเนียมโปร่งแสง
• ต่อไปคุณสามารถชมวิวผ่านหน้าต่าง พร้อมกับเล่นเน็ทได้พร้อมกัน บนหน้าต่างจาก ซัมซุง
• โทรศัพทสุดล้ำใสเหมือนแก้ว แถมยังเป็นกุญแจรถ Aston martin ได้ในตัว

---

• http://www.dailymail.co.uk/sciencetech/article-2090684/The-real-electric-sunroof-Philips-unveils-solar-panels-let-AND-car-soak-rays.html

โทรศัพท์แห่งอนาคตเครื่องนี้ สร้างโดยค่ายรถยนต์ชื่อดัง Aston Martin และบริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์มืออันหรูหราMobiado มันมีชื่อว่า Mobiado CPT002มาดูความพิเศษของโทรศัพท์มือถือเครื่องนี้กันเลย

- Mobiado CPT002 นี้มีหน้าตาที่โปร่งใสเหมือนกระจก ซึ่งสร้างจากแท่ง Sapphire crystal โดยมีแผงอิเล็กทรอนิคส์แบตเตอรี่และซิมการ์ดติดตั้งอยู่ภายใน

- ส่วนขอบด้านข้างนั้น ทำมาจากทองคำขาว

- สามารถใช้เป็นกุญแจเปิด -ปิดรถยนต์ของ Aston Martin ได้ โดยเมื่อเข้าใกล้รถยนต์ มันจะทำการปลดล็อคอัตโนมัติ

- ใช้ระบบสัมผัส Capacitive

- มีแอปพลิเคชั่นเยอะ เหมือน Iphone

Mobiado CPT002 ได้ถูกสร้างขึ้นจริงแล้ว และได้อวดโฉมไปในงาน BaselWorld ที่สวิตเซอร์เซอร์แลนด์ ในวันที่ 24-31 มีนาคม 2011

แหล่งอ้างอิง : Mobiado.com

สิ่งที่เห็นนี้ไม่ใช ล้อรถของเล่น แต่มันเป็นยางรถยนต์ต้นแบบจาก บริดสโตน ที่ไม่มีวันแบน

---

• ยางรุ่นเก่าใช้วัสดุหลักเป็นยาง ผสมคาร์บอน(ทำให้เนื้อยางเป็นสีดำ และเพิ่มความสามารถในการต้านทานแรงเสียดสี) แต่ ยางรุ่นใหม่นั้นเปลี่ยนมาใช้วัสดุเรซินพลาสติกชนิดพิเศษ ที่นำมาสานเป็นโครงข่ายที่มีลักษณะเป็นซี่ เพื่อใช้เป็นฐานสำหรับรับผิวหน้ายาง(บริเวณที่เป็นสีดำรอบๆซี่สีเขียว)
• จากยางระบบเดิมที่ภายในบรรจุลมที่มีความดัน เมื่อยางเป็นรูลมจะรั่วไหลออกทำให้ยางแบน แต่ยางรุ่นใหม่นี้เรซินพลาสติกมาเป็นส่วนช่วยค้ำจุนไม่ให้ยางยุบตัว แทน ลม
• ซึ่งการที่ยางรุ่นใหม่ไม่ใช้อาศัยแรงดันจากลมเพื่อให้ยางคงรูป ทำให้ยางรุ่นนี้ไม่จำเป็นต้องบำรุงรักษา เช่นเช็คลมยาง แข็งไป อ่อนไป
• บริดสโตน โชว์เทคโนโลยี่ยางรุ่นใหม่นี้ในงาน โตเกียวมอร์เตอร์โชว์ครั้งที่ 42
• บริดสโตน ยืนยันว่ายางระบบใหม่นี้สามารถนำมาใช้ได้จริงในอนาคต และยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าเนื่องจาก พลาสติกเรซิน และยางที่นำมาใช้ในการผลิตนั้นเป็นวัสดุรีไซเคิล

---

• http://www.dailymail.co.uk/sciencetech/article-2090275/Well-blow-Airless-tyre-goes-flat-end-punctures.html

นักวิจัยจาก IBM ได้สร้างอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล เล็กที่สุดในโลก งานนี้เล็กเสียจนมองไม่เห็นกันทีเดียวเพราะว่ามีขนาดเล็กขนาด อะตอม

รายละเอียด

---

• ในปัจจุบันอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล ใช้คุณสมบัติของแม่เหล็กในการจัดเก็บข้อมูล โดยอะตอมของเหล็กจะเรียงตัวกันเหมือนคุณสมบัติการสปินของแม่เหล็ก มีผลให้เกิดช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างอะตอม แต่ทีมวิจัยของ IBM กลับทำในทางตรงกันข้ามโดยพวกเขาได้ใช้อะตอมที่มีขั้วแม่เหล็กตรงกันข้ามกัน ดูดซึ่งกันและกันไว้เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างระหว่างอะตอมทำให้ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบใหม่นี้สามารถมีความจุเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด หลุดออกจากฎของมัวร์(Moore’s Law ที่นิยามโดย กอร์ดอน มัวร์ อดีตซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทอินเทลที่กล่าวถึง ปริมาณของทรานซิสเตอร์บนวงจรรวม จะเพิ่มเป็นเท่าตัวทุกสองปี)
• ทีมวิจัยได้การวางอะตอมจำนวน 2 แถว แถวละ 6 อะตอม ภายในห้องปฏิบัตการ เพื่อสร้างเป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลคลาสใหม่
• โดยงานวิจัยนี้ใช้อะตอม 12 อะตอม สำหรับจัดเก็บข้อมูลขนาด 1 บิต และสำหรับรูปแบบพื้นฐาน 8 บิต ใช้ 96 อะตอม
• ด้วยการจัดเรียงอะตอม 6 อะตอม/แถว จำนวน 2 แถว นั้นใช้พื้นที่เีพียง 4 x 16 นาโนเมตร(นาโนเมตร = 1/1,000,000 มิลลิเมตร)
• ทางทีมงานได้ทำการจัดเรียงอะตอม 480 อะตอมเพื่อใช้เป็นอุปกรณ์บันทึกข้อมูลคำขวัญของ IBM คำว่า "think" ซึ่งประกอบด้วยตัวอักษรจำนวน 5 ตัว
• การค้นพบนี้จะนำไปสู่อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลชนิดใหม่ ที่กินไฟน้อยลง เนื่องจากมีความต้านทานไฟฟ้าต่ำ จึงทำให้เกิดความร้อนต่ำตามไปด้วยเมื่อเกิดความร้อนต่ำก็ทำให้อุปกรณ์เสถียรขึ้น
• ผลงานวิจัยนี้เป็นผลงานวิจัยของ IBM โดยศูนย์วิจัย Almaden Research Centre ในซานโจเซ(San Jose) แคลิฟอร์เนีย(California)

ข้อมูลอ้างอิง

---

• http://www.dailymail.co.uk/sciencetech/article-2086247/Invisible-chips-IBM-stores-data-inside-just-12-atoms--spell-words-drive-built-100.html#ixzz1jhaNt278

ค่างแดร็กคูล่า

ค่างแดร็กคูล่า ฟังชื่อแล้วอาจจะสยอง แต่พวกมันไม่ได้ไปกัดคอดูเลือดใครนะครับ การที่พวกมันถูกรียกว่า แดร็กคูล่า นั้นมาจากที่พวกมันมีขนบริเวณคอที่ยื่นยาวออกมาเหมือนปกเสื้อของท่านเค้าร์ทแดร็กคูล่า ตามรูปจั่วหัวครับ

ฉลามบูล หรือ ฉลามหัวบาตร

หากจะถามถึงฉลามที่ ทำร้ายมากที่สุดในโลกหลายคนอาจจะนึกถึงฉลามขาว แต่ความจริง ฉลามบลูล์ต่างหากที่ครองตำแหน่งการทำร้ายมนุษย์มากที่สุด เนื่องจากพวกมันมีมีถิ่นอาศัยในน้ำตื้นซึ่งเป็นบริเวณที่มนุษย์มักไปทำกิจกรรม

ดอกไม้ที่มีพิษแรงที่สุดในโลก

เจ้าดอกไม้อันตรายนี้ มีชื่อว่า Wisteria จัดเป็นพืชตระกูลถั่ว พวกมันพบได้ในหลายพื้นที่ของโลก เช่น จีน ญี่ปุ่น อเมริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

• ต้น wisteria แข็งแรงมากและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว มันเป็นสายพันธุ์ที่รุกรานป่าอื่นในหลายพื้นที่ โดยเฉเพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มันสามารถเจริญเติบโตได้ในดินคุณภาพต่ำ แต่มันชอบดินอุดมสมบูรณ์ชุ่มชื่น เหมือนพืชอื่นๆมากกว่า มันเป็นพืชที่อาศัยการยึดเกาะติดกับที่ต่างๆเช่น กำแพง หรือต้นไม้อื่น wisteria ที่ใหญ่ที่สุดมีความสูง 20 เมตร หนัก 250 ตัน อยู่ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
• ต้น wisteria เป็นต้นไม้ที่มีดอกที่สวยงาม และมีกลิ่นหอม แต่อย่าหลงความสวยของมันล่ะ เพราะหากกินดอกของมันเข้าไปอาจอาเจียน วิงเวียน ปวดหัว จนถึงขั้นช็อกได้

เห็นภาพนี้แล้วคิดว่าเขากำลังทำอะไร บอกเลยก็ได้นี้คือ 1 ใน มาตราการขั้นเด็ดขาดในการ สอยเหล่าคนยาก คนจนที่ลักลอบขึ้นไปนั่งบนหลังคารถไฟเพราะไม่มีเงินซื้อตั๋วรถไฟ

ถ้าถามคนจำนวน 100 คน ว่ารู้จักกีฬามวยปล้ำหรือไม่ ??? ส่วนใหญ่อาจจะรู้จักกีฬามวยปล้ำในแบบการแสดงในทีวี ส่วนน้อยที่จะรู้ว่ามีกีฬาชนิดนี้ (ซึ่งมีแข่งขันในประเทศไทยด้วย)

• กีฬามวยปล้ำมีมาก่อนที่มนุษย์จะรู้จักการใช้อาวุธ ( แต่ใช้ไว้เพื่อการล่าสัตว์ ) และมวยปล้ำกลายมาเป็นกีฬาเมื่อโลกเข้าสู่ยุคอารยะ โดย S.A. Sperider ค้นพบเมื่อปี พ.ศ. 2481 ว่ากีฬามวยปล้ำเริ่มในยุคเมโสโปเตเมีย ยืนยันได้จากภาพเขียนและภาพแกะสลักรูปมวยปล้ำในท่าต่างๆ มากมายที่ผนังของวิหาร และสุสานเบนิ ฮัสซาน (Beni Hassan) จำนวน 200รูป ในประเทศอียิปต์ ในโอลิมปิกมีการจัดการแข่งขันมวยปล้ำมาตั้งแต่โอลิมปิก ครั้งที่ 3 ในปี พ.ศ. 2447
• ส่วนในประเทศไทยไม่ทราบแน่ชัดว่าเริ่มแข่งขันเมื่อใด แต่ทราบว่า ในเอเชียมวยปล้ำเริ่มเป็นกีฬาในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 2 พ.ศ.2497 คาดว่าไทยคงเริ่มหลังจากนั้นไม่นาน (เพราะตอนนี้มีโคชทีมชาติท่านนึงอดีตเคยเป็นนักกีฬามวยปล้ำทีมชาติไทยอายุท่านตอนนี้ก็ประมาน 65 ปี)
• กีฬามวยปล้ำในประเทศไทยมีการจัดการแข่งขันไม่ว่าจะเป็น กีฬาเยาวชนแห่งชาติ กีฬาแห่งชาติ และชิงแชมแห่งประเทศไทย ล่าสุดมีข่าวว่าจะมีการจัดในกีฬานักเรียนนักศึกษาในปีหน้า ในระดับชาติกีฬามวยปล้ำก็ไม่แพ้กีฬาใด ล่าสุดการแข่งขัน SEA GAME 2011 ณ ประเทศอินโดนีเซีย ได้มา 3 เหรียญทอง 5 เหรียญเงิน 5 เหรียญทองแดง

http://www.thai-wrestling.com

ลองส่งดูเล่นๆ ขำ ไม่รุจะผ่านหรือป่าว ขอคำติชมด้วยนะค่ะ.

ดาวินชี เป็น นักออกแบบแฟชั่น

หากจะถามว่าคุณนึกถึงใครที่คู่ควรกับคำว่า อัจฉริยะ หนึ่งในนั้นคงต้องมี เลโอนาร์โด ดา วินชี แน่นอนเขามีความรู้ทั้งศาสตร์ และศิลป์ อย่างหาตัวจับยาก เป็นทั้ง วิศวกร สถาปนิก นักดนตรี จิตกร ประติมากร นักกายวิภาค นักชีววิทยา นักและนักประดิษฐ์ แต่จะมีใครรู้ว่า เขายังเป็นนักออกแบบแฟชั่นด้วย

The wan brother '112th birthday,directors of "The Monkey king"

พี่น้องตระกูล เวน ผู้กำกับ หนังซุนหงอคง (ภาคการ์ตูน 1961/1964)

กูเกิ้ลเวอร์ชั่นวันนี้ แสดงผลเฉพาะ ออสเตรเรีย ฮ่องกง ญี่ปุ่น และประเทศอื่น (แต่ไม่แสดงผลในประเทศไทยนะครับ)

ท่านสองคนเกิดในวันเดียวกันในวันนี้ (ฝาแฝดกัน) ของปี 1900 ในเมืองน่านจิ้ง ประเทศจีน คนพี่เป็นผู้บุกเบิก การ์ตูนอนิเมชั่นของจีน ส่วนคนน้องก็มีส่วนร่วมช่วยเหลือในโปรเจคเกือบทุกๆงาน

ลูกเล่นของ กูเกิ้ลวันนี้ G จะเป็นรูปซุนหงอคงพอเราเอาเมาส์ไปกด ซุนหงอคงจะเป่าขนเสกออกมาเป็น ลูกท้อ O กงล้อเพลิง O บ้าน G กระบอง L และกระเป๋า E ตามลำดับ

และยังมีลูกเล่นอีกเล็กน้อยพอเราเอา เมาส์กดที่ตัวรูปภาพต่างๆ ก็จะแสดงผลดังนี้

• ลูกท้อๆ จะถูกกินไปจนเหลือแต่เม็ด
• กงล้อเพลิงจะหมุน
• บ้านจะหดหางและเปลี่ยนไปเป็นป้าย
• กระบองจะหมุนไปรอบๆจอ
• ส่วนกระเป๋าจะมีสิ่งของ (คาดว่าน่าเป็นของกิน) ออกมา

http://youtu.be/Ge7FidukF4M คลิ๊กที่ link เพื่อดูอนิเมชั่น

ข้อมูลอ้างอิงจาก

• http://from-google.blogspot.com/2012/01/wan-brothers-112th-birthday-directors.htmlhttp://animationresources.org/?p=655
• http://www.firstpost.com/topic/place/shanghai-the-wan-brothers-the-monkey-king-google-doodle-2012-video-l39qSYGnKf8-117-1.html

พรมม่วง

ฮอลลีวูดมีพรมแดง แต่ทะเลทรายMojave ในรัฐยูทา(Utah) สหรัฐอเมริกา นั้นมีพรมม่วงส่วนตัวเป็นของตัวเอง ซึ่งเกิดจากดอกไม้ป่าที่มีชื่อว่า Scorpion Weed การที่จะได้เห็นพรมม่วงนี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะว่าในรอบ 2-3 ปี จะเกิดเหตุการณ์พรมม่วงขึ้นซักครั้ง และในแต่ละครั้งก็กินเวลาแค่ไม่กี่อาทิตย์ ขึ้นอยู่กับว่าสภาพแวดล้อมจะเหมาะสม คุณถึงจะมีโอกาสเห็นภาพวิว อันงดงามนี้

ผมไม่ใช่ปลา

ฉลามทั่งเหล็ก

เห็นรูปคงแอบสยองกับฉลามตัวนี้ ทั้งครีบหลังที่ที่มีลักษณะคล้ายทั่งตีเหล็ก แถมส่วนหัวยังมีหนามแหลมผุดขึ้นมาเต็มไปหมด

Z machine

เหมือนดั่งที่เหล่านักดาราศาสตร์มองหาดวงดาวอันไกลโพ้นหลายปีแสง แต่เมื่อนัุกวิทยาศาสตร์อยากจะมอง อยากทดลอง อยากพิสูจน์ พื้นผิวดวงดาวในระยะใกล้ อะไรมันจะดีไปกว่าการสร้างมันขึ้นบนพื้นโลก

วันนี้ใครเข้าหน้าหลัก wowboom จะพบว่า wowboom เปลี่ยนไปเนื่องจากผมได้เพิ่มเติมลูกเล่น Jump Break ซึ่งจะทำให้เนื้อหาบางส่วนในหน้าหลักถูกซ่อนเอาไว้บางส่วน ซึ่งถ้าอ่านเกริ่นนำแล้วสนใจจะเข้าไปอ่านเนื้อหาเพิ่มเติม ก็ต้องคลิกในตำแหน่งที่มีข้อความว่า

อาจจะทำให้ไม่สะดวกบ้าง แต่ก็ต้องขอเพิ่มจริงๆครับเนื่องจาก หน้าบล็อกผมมันหนักมากๆ(ถ้าเน็ทช้าลากกันยาวทีเดียว)เป็นทุนอยู่แล้วยิ่งบางครั้งมีบทความที่มีรูปมากๆ กว่าจะเปิดได้นานโขทีเดียว อย่าลืมคลิกแรงๆ เพื่อความสะใจ

อีกา

เคยได้ยินว่า อีกานั้นฉลาด แต่ขี้โกง ลองดูคลิปต่อไปนี้แล้วจะอึ่ง + ทึ่งในความฉลาดของพวกมัน ในธรรมชาติมีสัตว์น้อยชนิดมากที่รู้จักการใช้เครื่องมือ อุปกรณ์

งดงาม = อันตราย

ภาพที่เห็นนี้คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่างดงามเหลือเกิน แต่ขอบอกว่าอย่าแม้แต่จะคิดว่าจะไปเที่ยวชมไม่ใช่ใครอุณหภูมิที่ติดลบ 120 องศาเซลเซียสเท่านั้น แต่มันยังอาจจะกลายเป็นสุานฝังคุณทั้งเป็นก็ได้จะเหตุน้ำแข็งถล่ม

กบเล็กที่สุดในโลก

กบ ชนิดนี้มีขนาดเมื่อโตเต็มที่ 7.7 มิลลิเมตร ทำให้มันกลายเป็นเจ้าของตำแหน่งทั้ง กบเล็กที่สุดในโลก และเป็น สัตว์มีกระดูกสันหลังเล็กที่สุดในโลก อีกตำแหน่ง

สลัมกรง

เห็นภาพนี้คือชีวิตของคนกว่าแสนคนในฮ่องกง เมื่อพวกเขาต้องมาใช้ชีวิตในกรงสัตว์ แทนบ้านด้วยค่าเช่ากรงละ 6,000 บาท/เดือน

ฉลามวาฬ

ฉลามวาฬ(Whale shark) หลายคนอาจจะสับสนว่าทำไม่มันมีทั้งชื่อ ฉลาม และวาฬ ตกลงพวกมันเป็นวาฬ หรือ ฉลาม ตอบก็คือพวกมันเป็น ฉลาม ที่ตัวใหญ่ยักษ์ แต่ดันกินแพลงตอนเป็นอาหารเหมือนวาฬ แต่ทำไมมนุษย์ถึงจัดพวกมันอยู่ในกลุ่มฉลามแทนที่จะเป็นวาฬ ตอบก็เพราะพวกมันเป็นปลาเนื่องจากหายใจทางเหงือก ถ้าฉลามวาฬอยากเป็นวาฬพวกมันจะต้องวิวัฒนาการจนมีปอดเพื่อใช้หายใจแทนเหงือก

ฉลามโคมไฟแคระ

ฉลามโคมไฟแคระ(Dwarf lanternshark) สิ่งทำให้มันน่าสนใจนั้นไม่ใช่เพียงแต่ขนาดตัวที่เล็ก จนทำให้พวกมันเป็น ฉลามชนิดที่ เล็กที่สุดใโลก แต่ มันยังมีวิธีเพิ่มความเซ็กซี่ในแบบของมันที่ไม่เหมือนใคร

Toshiba Excite X10

โตชิบา้เตรียมเปิดตัวแท็บแล็ตตัวใหม่ที่มีชื่อว่า Excite X10 ซึ่งเป็นแท็บแล็ตหน้าจอขนาด 10 นิ้ว บางเพียง 7.7 มิลลิเมตร(บางกว่า iPad2 อยู่ 1 มิลลิเมตร)ซึ่งบางที่สุดในโลกขณะนี้ มีน้ำหนัก 1.2 ปอนด์(ซึ่งเบากว่า Apple อยู่ 11%) ในงาน CES 2012 ที่มาพร้อมกับ

• ระบบปฏิบัติการ Android
• ไมโครโปรเซสเซอร์ TI OMAP 4420 1.2GHz dual-core
• แรม 1 GB
• เคสด้านหลังเป็น โลหะผสมแมกนีเซียมสีดำ คุณภาพสูงทนทาน และน้ำหนักเบา
• หน้าจอป้องกันรอยขีดข่วนระบบ Corning Gorilla Glass พร้อมเคลือบป้องกันรอยเปื้อน แสดงผลด้วยความระเอียด 1280 x 800
• กล้องหลัง 5 เมกะพิกเซล พร้อมเฟลต LED พร้อม กล้องหน้า 2 เมกะพิกเซลเพื่อตอบสนองวีดีโอแชท
• พร้อมพลันด้วยฟอร์ดต่าง micro USB, mini HDMI out, และ micro SD card slot
• โดย โตชิบาคาดว่าจะจัดจำหน่ายได้ในช่วง ไตรมาสหนึ่งของปีนี้(2012) พร้อมกับ Android 3.2 Honeycomb หรืออาจจะเป็น Ice Cream Sandwich
• โดย Excite X10 รุ่น 16GB คาดว่าจะมีราคา 529.99 เหรียญ ส่วน 32GB คาดว่าจะมีราคา 599.99 เหรียญ

ข้อมูลอ้างอิง

---

• http://www.mobilemag.com/2012/01/09/toshiba-excite-x10-worlds-thinnest-10-inch-android-tablet/

สร้างตึก 30 ชั้นภายใน 15 วัน

ผมไม่รู้ว่ามังกรนั้นมีจริงหรือเปล่า แต่ต้องยอมรับว่าประเทศนี้สมควรกับสมญานามว่า "พญามังกร" ยิ่งนักเมื่อพี่จีนโชว์พาวในการสร้างตึก 30 ชั้นภายในเวลา 15 วัน(0.5 เดือน) หลายคนอาจจะคิดว่ามันแปลกหรือน่าทึ่งหรือ สำหรับผมที่จบวิศวโยธา และทำงานมา 10 กว่าปี ต้องบอกว่า แม้แค่คิดผมยังไม่กล้าคิดว่ามันทำได้เลยถ้ามีคนบอกว่าทำได้ก็ต้องบอกว่าไอ้ขี้โม้ เพราะตึก 30 ชั้นอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาซัก ปีครึ่ง ถึง 2 ปี อย่ามาโม้ว่าสร้างได้ 15 วัน

รายละเอียด

---

• ต้องบอกว่าทึ่งมาก แต่มันอาจจะไม่เชิงที่ว่าก่อสร้างตึกเบ็ดเสร็จภายใน 15 วัน เนื่องจากระยะเวลา 15 วันนั้นเป็นเพียงเวลาในการนำชิ้นส่วนสำเร็จรูปที่สร้างจากโรงงานมาประกอบเป็นตัวอาคาร ซึ่งก่อนระยะเวลา 15 วันในการประกอบอาคารนั้นจำเป็นจะต้องมีขั้นตอนเตรียมงาน สร้างชิ้นส่วนอาคารชั้นต่างจากโรงงานภายนอกเตรียมการไว้ก่อน
• เทคนิคก่อสร้างที่ใช้ชิ้นส่วนสำเร็จรูปมาประกอบกันนี้มีชื่อเรียกว่าสั้นว่า พรีแฟบ(Prefabricated modular) คือการสร้างชิ้นส่วนต่างของอาคารจากโรงงานเตรียมไว้ก่อนที่จะนำมาประกอบที่สถานที่ก่อสร้าง ซึ่งวิธีก่อสร้างแบบนี้จะทำลายข้อจำกัดเรื่องระยะเวลาก่อสร้างอาคารในแนวดิ่งสูงลงได้เนื่องจาก ถ้าใช้วิธีก่อสร้างแบบเดิมยังไงเราก็ต้องสร้างชั้น 1 ก่อนชั้น 2 และถึงจะตามด้วยชั้น 3 ไป 4 เรื่อยๆจนถึงชั้น 30 ทำให้ต้องทำงานเป็นขั้นๆำไป
  
• แต่การก่อสร้างด้วยเทคนิคพรีแฟบ เราสามารถสร้างชิ้นส่วนอาคารชั้น1ที่โรงงาน A พร้อมกับสร้างชิ้นส่วนอาคารชั้น2ที่โรงงานB พร้อมกับสร้างชิ้นส่วนอาคารชั้น3ที่โรงงานC เตรียมการไว้ก่อนที่โรงงานต่างพร้อมๆกันในเวลาเดียวกัน และจัดส่งมายังสถานที่ก่อสร้างเพื่อยกขึ้นติดตั้งด้วยทาวเวอร์เครน
  
• ที่น่าทึ่งขึ้นไปอีกระยะเวลา 15 วันนี้ไม่ใชแค่งานโครงสร้างแล้วเสร็จแต่มันรวมถึงงานสภาปัตยกรรม(คืองานตกแต่งภายในที่ไม่ใช่โครงสร้างอาคาร เช่น งานผนัง ประตู หน้าต่าง ฝ้าเพดาน สุขภัณฑ์ฯ)
• ที่น่าทึ่งอีกคือโครงการนี้ไม่มีใครตาย และต้องตบมือให้อย่างยิ่งแม้แต่คนบาดเจ็บสาหัสยังไม่มี(ถ้าของไทยทุกตึกต้องมีผีคนงานเฝ้าแน่นอนฟันธง)
• สุดท้ายอาคารนี้ ชื่อโรงแรม Ark Hotel ตั้งอยู่ที่ทะเลสาบ Dongting ในมณฑลหูนาน(Hunan) มีพื้นที่ใช้สอย 17,000 ตารางเมตร ที่จะลืมไม่ได้บริษัทรับเหมาก่อสร้างคือ บริษัท Broad Group โดยโรงแรมแห่งนี้เริ่มก่อสร้างในช่วงคริสต์มาสปี2011 และแล้วเสร็จตอนปีใหม่ 2012

คลิปวีดีโอ

---

ข้อมูลอ้างอิง

---

• http://www.dailymail.co.uk/news/article-2083883/Theyre-super-fast-power-Chinese-world-construction-east-30-storey-hotel-built-just-15-days.html
• http://www.lookend.com/Video/Dehnhidfqec.htm

ฉลามกอบลิน

ต้องยอมรับว่าหน้าตาของ ฉลามกอบลิน นั้นชวนสยองอย่างรุนแรง แต่ถ้าเห็นพุ่งขากรรไกรออกจากปากมางับรับรองว่าสยองกว่าแน่นอน

รายละเอียด

---

• ฉลามกอบลิน(goblin shark) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Mitsukurina owstoni
• ฉลามกอบลิน เป็น ปลาน้ำลึก อาศัยอยู่ใกล้พื้นทะเล ในบริเวณที่มีความลึกตั้งแต่ 200 เมตรขึ้นไป ตัวอย่างที่เคยจับได้ลึกที่สุดจับได้ที่ความลึก 1,300 เมตร
• ฉลามกอบลิน สามารถพบได้ทั่วไปในน้ำลึกที่แสงอาทิตย์ส่องไม่ถึง พบได้ทั่วตั้งแต่ออสเตรเลีย ไปจนถึงอ่าวเม็กซิโก แต่แหล่งที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดคือ บริเวณน้ำลึกโดยรอบประเทศญี่ปุ่น(โดยเป็นสถานที่แรกที่ค้นพบพวกมัน)
• พวกมันมีลักษณะร่างกายที่เด่นชัดคือ มีสีผิวชมพูอมเทาอันเป็นผลมาจากผิวที่ค่อนข้างกึ่งใสทำให้ห็นเส้นเลือด(ทั่วไปไม่ค่อยมีฉลามผิวสีชมพู) มีปลายจมูกยื่นยาว สามารถพุ่งขากรรไกรยื่นยาวออกจากปากได้ ครีบหางยาวไม่เป็นแฉก
• ฉลามกอบลิน กินอาหารได้หลากหลาย ทั้งปลาน้ำลึก ปลาหมึก ปู
• ส่วนเรื่องการสืบพันธุ์ของพวกมันนั้นแทบจะมีข้อมูลเลย แต่ถ้าเทียบเคียงกับสัตว์ในอันดับ(order) Lamniformes คาดว่าพวกมันจะปฏิสนธิไข่ในท้องแม่ปลา โดยตัวอ่อนจะค่อยๆพัฒนาการอยู่ไข่ จนฟักตัวในท้องแม่ถึงจะคลอดออกมา(ovoviviparous)
• ฉลามกอบลินสามารถยาวได้ถึง 3.3 เมตร หนักได้ถึง 159 กิโลกรัม(โดย 25%ของน้ำหนักตัวของปลานั้นเป็น ตับ ที่ใช้ในการช่วยการลอยตัว เนื่องจากพวกมันไม่มีถุงลม(swim bladder หรือที่เรารู้จักกันในชื่อกระเพาะปลา))
• ฉลามกอบลิน ออกล่าเหยื่อโดยใช้อวัยวะรับกระแสไฟฟ้าที่เรียกว่า electro-sensitive organs ที่อยู่บริเวณปลายจมูก และรอบปาก เนื่องจากในบริเวณที่มันอยู่อาศัยไม่มีแสงอาทิตย์ประสาทสัมผัสส่วนการมองเห็นจึงไม่มีประโยชน์ ทันทีที่มันพบเหยื่อในระยะมันจะยื่นขากรรไกรออกไปงับเหยื่อ ขณะเดียวกันจะใช้กล้ามเนื้อที่ลักษณะคล้ายลิ้นดูดเหยื่อมายังฟันหน้า
• พวกมันมักจะถูกจับได้ด้วยอวนน้ำลึก ขากรรไกรของพวกมันมีความต้องการสูงในตลาดทำให้มีราคาสูงถึง 1,500-4,000เหรียญสหรัฐ(45,000 - 120,000บาท)

คลิปวีดีโอ

---

ข้อมูลอ้างอิง

---

• http://en.wikipedia.org/wiki/Goblin_shark

ฉลามผี

พวกมันดูจะเป็นฉลามที่หน้าตาตลก แต่พวกมันกับเป็นผู้กำความลับบางประการของรหัสพันธุ์กรรมของสัตว์มีกระดูกสันหลังแบบมีกรามที่เก่าแก่ที่สุดในโลก

รายละเอียด

---

• ฉลามผีออสเตรเลียน(Australian ghost shark) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Callorhinchus milii
• พวกมันมีอีกหลากหลายชื่อ อาทิเช่น ฉลามช้าง(elephant shark จากลักษณะที่มีจมูกยื่นเหมือนงวงช้าง) , Makorepe เป็นภาษาเมารี , ปลาขาว(whitefish เนื่องจากมีเนื้อสีขาวเป็นที่นิยมนำไปปรุงเป็นปลาทอดกินกับมันฝรั่งทอดที่เรียกว่า fish-and-chip ในออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์) ,ไคมีรัสจมูกคันไถ(plownose chimaeras โดยไคมีร่า(chimaera)เป็นสัตว์ในเทพนิยายที่มีร่างกายเป็นสิงโตแต่หางเป็นงูกลางหลังมีหัวแพะงอกออกมา มีความสามารถพ่นไฟได้)
• สามารถพบ ฉลามผีออสเตรเลียน ได้ที่ทางใต้ของออสเตรเลีย , พบได้ที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของ Cape and Kaipara Harbour ใน นิวซีแลนด์ ที่ระดับความลึก 200 - 500 เมตร ในฤดูใบไม้ร่วงพวกโตเต็มวัยจะอพยพมาอยู่บริเวณแนวชายฝั่งที่น้ำตื้นเพื่อผสมพันธุ์(และช่วงนี้เองพวกมันจะถูกจับไปทำเป็น fish-and-chip อาหารยอดนิยม)
• เมื่อผสมพันธุ์ตัวเมียจะวางไข่ที่มีลักษณะเป็นแคปซูลสีเหลืองขนาดใหญ่ไว้ในทรายหรือโคลน โดยไข่จะใช้เวลา 6 - 8 เดือนกว่าจะฟักเป็นตัว
• ฉลามผีออสเตรเลียน มีลำตัวยาวอยู่ระหว่าง 0.60 - 1.2 เมตร (โดยทั่วไปตัวผู้จะมีความยาวอยู่ที่ 0.65 เมตร)
• ในปัจจุบัน จากการวิเคราะห์จีโนน(Genome รหัสพันธุ์กรรม)ของพวกมันทำให้พบว่า ฉลามผีออสเตรเลีย เป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังแบบมีกราม ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังมีชีวิต
• จีโนน ของพวกมันได้รับการสนใจในการทำแบบจำลองเพื่อศึกษาเนื่องจาก พวกมันมีจีโนนที่มีขนาดเล็กที่สุดในกลุ่มสัตว์มีกระดูกสันหลังแบบมีกราม( jawed vertebrates) คือมีขนาดเพียง 910 Mb(Mb = megabases = 1 million basepairs) การศึกษาจะช่วยให้เราเข้าใจกำเนิด และวิวัฒนาการของสัตว์มีกระดูกสันหลัง(รวมถึงมนุษย์ด้วย) เนื่องจากพวกเรามีบรรพบุรุษร่วมกันมา(shared a common ancestor) ย้อนไปในช่วง 450 ล้านปีล่วงมาแล้ว
• พวกมันยังมีโคนเซลล์(Cone cell เป็นเซลล์รูปโคนในเรติน่า)ในดวงตาครบ 3 ชนิด(ชนิด S , ชนิด M , ชนิด L)เหมือนมนุษย์ทำให้พวกมันสามารถมองเห็นสีสันได้ครบถ้วนเหมือนตามนุษย์(สัตว์ส่วนมากจะตาบอดสี เนื่องจากมีโคนเซลล์ไม่ครบ 3 ชนิด)

ข้อมูลอ้างอิง

---

• http://en.wikipedia.org/wiki/Australian_ghost_shark
• http://www.oceanwideimages.com