กะโหลกแก้ว แห่ง มายา เก๊ หรือ แท้
Crystal skulls กะโหลกแก้ว เป็น 1 ใน สมบัติโบราณของอารยธรรมที่สาบสูญ ที่เต็มไปด้วยปริศนามานับศตวรรษ นับตั้งแต่มีการค้นพบกะโหลกแก้ว ของ ชนเผ่าโบราณ ยิ่ง Hollywood นำมันมาผูกเข้า ภาพยนต์เรื่องอินเดียน่าโจน์ ว่าผู้ได้ครอบครองมันจะได้รับพลังที่สามารถควบคุมธรรมชาติได้ไว้ในครอบครอง ยิ่งทำใหมันลึกลับมากยิ่งขึ้น
กะโหลกแก้ว ที่เป็นที่รู้จักดีนั้นแบ่ง ได้ 5 ส่วนคือ
มีความเชื่อว่ากะโหลกแก้วเหล่านี้ถูกสร้างโดย ชนเผ่าโบราณที่มีอารยธรรม และเทคโนโลยี่ที่ก้าวหน้าเป็นอย่างมากของชนเผ่าที่สาบสูญ เช่น ชาวมายา ชาวแอซแท็คส์ โดย พวกนักบวช พ่อมด หรือหมอผี หรือบ้างมีความเชื่อถึงว่ามันไม่ใช่ วัตถุจากโลกนี้ เพื่อใช้ประกอบพิธีกรรม การร่ายเวทมนต์ คาถา ในการรักษาเยียวยา การไล่ภูตผี หรือ สาปแช่ง- กะโหลกแก้วที่ถูกเก็บรักษาไว้ที่ พิพิธภัณฑ์อังกฤษ(British Museum)
- กะโหลกแก้วที่เก็บรักษาไว้ที่สถาบันสมิธโซเนียน(Smithsonian Institution) ใน วอชิงตัน ดีซี
- กะโหลกแก้วที่เก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ Musée Quai Branly ในปารีส
- กะโหลกแก้วที่โด่งดังที่สุดคือ กะโหลกแก้วของ มิเชลล์ เฮดจ์ส(Mitchell - Hedges ภาพจั่วหัว กะโหลกแก้วอันนี้เป็นกะโหลกแก้วอันแรกที่ถูกกล่าวอ้างว่ามีการค้นพบในซากโบราณสถาน ในการค้นพบครั้งแรกค้นพบเฉพาะส่วนบน ส่วนขากรรไกรหายไป และต่อมาจึงมีการค้นพบขากรรไกร ไม่ห่างจากกันไม่มากนัก )
- และสุดท้ายคือ กะโหลกแก้วในคอเลคชั่ส่วนตัวของนักสะสมอิสระ
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhlvCsTmD66p64-Hi7oXh5ddDqWqi0-ftJMNhCcVRDf7UTv3VphhzWLYX4NqiAdQNEQYKnce1Xhp8UDsBjoj5kz6fv6CjpspG5Ys0yLmLHfxXgnXnVCrv3jqPYPpHSYeJHe0CAXdaY60k6X/s400/600px-Crystal_skull_in_Mus%C3%A9e_du_quai_Branly,_Paris.jpg)
ภาพกะโหลกแก้วของ พิพิธภัณฑ์ Musée Quai Branly ในปารีส
ผลการพิสูจน์ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ กะโหลกแก้ว
ผลการพิสูจน์นี้เป็นของ กะโหลกแก้ว นี้เป็นผลการพิสูจน์กะโหลกแก้วของพิพิธภัณฑ์อังกฤษ และกะโหลกแก้วของสถาบันสมิธโซเนียน เท่านั้น ไม่ครอบคลุมไปถึงกะโหลกแก้วอันอื่น- ผลกการพิสูจน์พบว่า กะโหลกแก้ว นี้ถูกสร้างด้วยเครื่องมือสมัยใหม่ เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นฝีมือการสร้างโดยชนเผ่าโบราณอย่าง มายา(Mayans) หรือ แอซแท็คส์(Aztecs) ในอเมริกากลาง
- การทดสอบ และพิสูจน์นี้ทำโดย มาร์กาเร็ท แซ็ก(Margaret Sax) จากพิพิธภัณฑ์อังกฤษ และศาสตราจารย์ Ian Freestone จากมหาวิทยาลัย Cardiff
- ทีมวิจัยได้ใช้กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน ส่องดูพื้นผิวของกะโหลกแก้ว พบร่องรอยการขัดแต่งมีลักษณะเป็นเส้นแนวคมชัด และเป็นแถวแนวขนานกัน ซึ่งเป็นลักษณะของเครื่องขัดจานหมุน(Spinning disc-shaped tool) ที่ทำจากโลหะ โดยมีการเพิ่มพวกกากอัญมณีเข้าไปที่ใบขัด เพื่อความง่ายในการขัดแต่งชิ้นงาน
- เป็นไปไม่ได้เลยที่ ในสมัยที่ชนเผ่ามายา และ แอซแท็คส์ อยู่นั้นจะมีเทคนิคที่จะได้คุณภาพงานเช่นนี้อย่างแน่นอน เนื่องจากหลักฐานที่ค้นพบ ชาวแอซแท็คส์นั้นใช้เครื่องมือที่ทำจาก หิน และไม้
- สำหรับหัวกะโหลกแก้ว จาก พิพิธภัณฑ์อังกฤษ เมื่อทำการทดสอบด้วยการ X-ray diffraction กับพบสิ่งที่ใช้ขัดนั้นเป็นพวก กากเพชร หรือกากพลอย
- แต่สำหรับหัวกะโหลกแก้ว จาก สถาบันสมิธโซเนียน เมื่อทำการ X-ray diffraction กับพบวัสดุที่เรียกว่า Carborundum โดย Carborundum นี้เป็นวัสดุสังเคราะห์ที่พึ่งมีใช้ในศตวรรษที่ 20 นี้เอง ซึ่งหมายความกะโหลกแก้วของ สถาบันสมิธโซเนียน คาดว่าจะสร้างขึ้นในช่วง ไม่นานไปกว่าปี 1950
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjGGvMcprZus_9-jBBnH129sJWdfLwmpeRsnTUrd-7MwHxE5rIpyYptmACaQ6bJUnVIzUyu1A0MZQRhkL0FAZ5VIFpNBApj-W-pLqlmEYbP_KVDBjOey7SwQlg9An8xXNMjKEcNOq0FNRTC/s400/smithsonian-crystal-skull.jpg)
ภาพหัวกะโหลกของสถาบันสมิธโซเนียน จะมีลักษณะแปลกกว่ากะโหลกแก้วอันอื่นคือ มันถูกสร้างด้วยแก้วขุ่น และมีน้ำหนักมาก
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEilU8QHXaMyDUREX3ZxRBY4p4ERCcNDMuRHPBAMC_X-hfvWKwfSOX5giPXbcEzeao7YSdYn8LlaBLIOvLFvSefFyfufYVCn4noWcXFM_mml2oLTy-mtDR-JPL5o9swH9Zrm7bTRzt5Xfnf6/s400/Smithsonian_surface.jpg)
ภาพพื้นผิวของกะโหลกแก้ว ของ สถาบันสมิธโซเนียน จะเห็นรอยขัดเป็นแนวจากเครื่องขัดสมัยใหม่
ภาพผลการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ของ กะโหลกแก้วจาก พิพิธภัณฑ์อังกฤษ
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiFXNQyWuMrLJqGplsUUum6c1fpFMake34dyXYLCfbvXIQiuavIREBEskSF3mMHOx9JSaTDKGT_lsty4LxWkeHNJsGPpHmN_SMfg4uUi5tsXXL-QP5WncpIfAvqD44Q5XuKbY4tK-I2bVZf/s400/mm038955_l.jpg)
ภาพ กะโหลกแก้ว ด้านหน้า จาก พิพิธภัณฑ์อังกฤษ มันปรากฏขึ้นครั้งแรกที่ร้านขายวัตถุโบราณในปารีส ของ Eugène Boban ในปี 1881 โดยไม่ทราบแหล่งที่มาแน่ชัด เขาพยายามจะขายมันให้แก่ พิืพิธภัณฑ์แห่งชาติของเม็กซิโก เหมือนวัตถุโบราณอื่นของ แอซแท็คส์(Aztec) แต่ไม่ประสบณ์ความสำเร็จ
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh-w-jRPVAjUVykWo9Rkw8m0HqQSVsZQyQMpLzpDkkBRPD74tcYpfubHYcXHzV1XvIRzC-jmXFWQ-I4Jt8UNgOaJf_1QmthpxjVMP-f-RZwHILuOYywqJy8HvP8y0DjEqkghJ2z1L4SO-Rh/s400/an20720_l.jpg)
ต่อมา Eugène Boban ได้ย้ายมาเปิดกิจการที่ นิวยอร์ค และได้ขาย กะโหลกแก้วอันนี้ให้แก่ George H. Sisson มันได้ถูกนำไปจัดแสดงในงาน American Association for the Advancement of Science ในนิวยอร์ค ในปี 1887
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj3VQdOiMjXN5tC_qAzQZw0UjIGlBvoU3IMo7ezUrnDsORTJz7xokL5wtXAl4Sigykr7k7MorGCXWhogdvPFttv7yyoqHD5-wSjAU_bhIsD-CtSBhI1xBx5cXvRHNOdG4DSz7gq8M2eTDOR/s400/an20718_l.jpg)
ต่อมามันถูกประมูลไปโดย Tiffany and Co ซึ่งต่อมาได้ขายต่อกะโหลกแก้วนี้ให้แก่ พิพิธภัณฑ์อังกฤษ ในปี 1897 โดย กะโหลกอันนี้ค่อนข้างคล้ายคลึงกับกะโหลกแก้ว Mitchell-Hedges เพียงแต่มีรายละเอียดน้อยกว่า และไม่สามารถถอดขากรรไกร
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEialBTPcg26CGxpehZwk42lSO0Uix5rKf2q3ataO3LaVJecBWllxOC_KCKUUPl2_fP_rOqN6SbGazIQuaE9KOxJ9Wl7YHnEbqNZIDZu_32cfJEodS5auJMDnh9oSzJ48jj_0FJx4XYW6nf6/s400/an20719_l.jpg)
ทางพิพิธภัณฑ์อังกฤษได้ลงรายละเอียดเกี่ยวกับต้นกำเนิดของกะโหลกแก้วนี้ไว้ว่า
"ดูเหมือนจะมีความเป็นไปได้ที่กระโหนกนี้จะสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 และมันไม่ใช่วัสถุที่สร้างในยุคพรี-โคลัมเบียน(pre-Columbian คือ ยุคก่อนการค้นพบของโคลัมบัส) มันถูกสร้างด้วยเครื่องมือสมัยใหม่"
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiM0wL_wy32BQ2DfELbCyZlb-7fDaY0PKGJ79OrhxQuyvqIC4jbdbkbLkIp-7fpRGotnlrGJEeLFC7BKm-IjC8RK-qQSogKh-wR4vXjuFZpweeubQW3w1Mtp20e4I2AaL0ydzFxhbn8RSOD/s400/BM_skull_surface.jpg)
ภาพพื้นผิวของ กะโหลกแก้ว ของ พิพิธภัณฑ์อังกฤษ จะเห็นได้ชัดเจนว่า รอยการขัดนั้นเป็นเส้นตรงคมเป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างมีระเบียบ ซึ่ง เป็นลักษณะของการถูกขัดด้วย เครื่องเจียรสมัยใหม่
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEix6lOw4Zg_vO28uv56MEbrZuRFXXjwJj6_GA_TVplYDHqZq-de8hLrQcPc6pVkASP7yE01N0JknmLxGy1RsD5UK4P0wBiAPi4kjyktsqRAzGnsEy5Acv-26TdqTs6-BCvjKczoxOIlhgl2/s400/solid+inclusion+cluster.jpg)
เนื้อคริสตัล ของแต่ละแหล่งจะมีลักษณะเฉพาะจากส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์พบว่า มีผลึกสีเขียวที่มีการเรียงตัวคล้ายตัวหนอน มันคือ แร่เหล็กที่มีครอไรท์สูง(ron-rich chlorite) ซึ่งเป็นลักษณะของแร่ควอทซ์ จากเหมืองในประเทศ บราซิล หรือ มาดากัสการ์ เท่านั้น ซึ่งเหมืองทั้งสองแหล่งนี้พึ่ง เริ่มทำกันในยุคศตวรรษที่ 18 มานี้เอง จึงเป็นไปไม่ได้ที่กะโหลกนี้จะถูกสร้างโดย ชาวมายา หรือ แอซแท็คส์
ข้อมูลอ้างอิง กะโหลกแก้ว