รถพลังงานกาแฟ เร็วที่สุดในโลก

สุดยอดเครื่องยนต์พลังงานกาแฟ


ใครจะเชื่อว่ารถจะใช้ เมล็ดกาแฟ เป็นเชื้อเพลิง และยิ่งไม่น่าเชื่อเข้าไปอีกเมื่อรถคันนี้วิ่งได้เร็วกว่า 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง

รายละเอียด

  • รถคันนี้เป็นรถ Rover SD1 ที่ได้รับการดัดแปลงเพื่อให้สามารถใช้ เม็ดกาแฟเกรดต่ำ(เมล็ดเล็กๆ) เป็นเชื้อเพลิง
  • รถคันนี้สามารถทำความเร็วได้ถึง 66.5 ไมล์/ชั่วโมง(107 กิโลเมตร/ชั่วโมง) จึงทำให้มันเป็นรถพลังงานจากสิ่งเหลือใช้อินทรีย์ที่ เร็วที่สุดในโลก คันใหม่ ที่งานแข่งขัน the Elvington Race Track โดยแชมป์แก่ทำความเร็วไว้ที่ 47 ไมล์/ชั่วโมง(ใช้ขี้เลื่อยไม้เป็นเชื้อเพลิง)
  • รถคันนี้เป็นผลงานของวิศวกรนามว่า Martin Bacon
  • รถคันนี้ได้ทำการเพิ่มเติม เครื่องผลิตแก๊สเชื้อเพลิงจากชีวมวล (Gasifier) และตัวกรอง(Filters) เข้าไปโดยใช้หลักการเหมือนเครื่องจักรที่ใช้ ถ่านหินให้สมัยก่อน แต่รถคันนี้ใช้ เมล็ดกาแฟ แทน ถ่านหิน
  • โดยตัวผลิตแก๊สจะถูกติตตั้งไว้หลังรถ จะคั่วเม็ดกาแฟด้วยอุณหภูมิ 700 เซลเซียส ที่อุณหภูมินี้จะเกิดซินแก๊ส(Syngas)
  • ซินแก๊สจะเดินทางสู่ฟิวเตอร์แบบไซโครน(Cyclone Filter) และฟิวเตอร์ใยหิน(Rock wool filter) เพื่อกรอง และทำให้เสียเย็นลงโดยใช้ Radiator โดยจะเหลือเป็นก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ และไฮโดรเจนที่เย็น และสะอาดเพียงพอที่จะใช้จุดระเบิดในกระบอกสูบในเครื่องยนต์

เครื่องผลิตแก๊สเชื้อเพลิงจากชีวมวล (Gasifier) และตัวกรอง(Filters) ด้านหลังรถ

ข้อมูลอ้างอิง

  • http://www.geekosystem.com/world-record-coffee-car/
  • http://www.dailymail.co.uk/sciencetech/article-2042080/Coffee-powered-car-breaks-world-speed-record-British-built.html

นกที่บินอพยพ ไกลที่สุดในโลก (bar-tailed Godwit)

นกอพยพ ไกลที่สุดในโลก


นก bar-tailed Godwit ครองตำแหน่งนกที่บินอพยพ โดยไม่หยุดพัก โดยไม่กินอาหาร รวดเดียวเป็นระยะทางถึง 7,258 ไมล์(11,680กิโลเมตร) จากนิวซีแลนด์ ไป อาลาสก้า(Alaska)

ข้อมูลอ้างอิง

  • http://en.wikipedia.org/wiki/Bar-tailed_Godwit

แมวประหลาด มี สองหน้า (Two face cat)

แมวสองหน้า


อาจจะมีคำกว่าที่ว่าแมวมี 9 ชีวิต แต่เจ้าแฟรงแก้น ลูอี้(Frankenlouie) คงใช้หมดไปเสีย 8 ชีวิต เพื่อให้มีชีวิตรอดจนอายุยืนยาวมาถึงได้ 12 ปี กับพร้อมๆกับการที่มี 2 หน้า

รายละเอียด

  • แมวสองหน้ามีชื่อว่า แฟรงแก้น ลูอี้(Frankenlouie) อยู่กับเจ้าที่ไม่อยากเปิดเผยชื่อ ในเมือง Milbury รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริก
  • การที่ แฟรงแก้น ลูอี้ มีสองหน้านั้นเกิดจากอาการผิดปกติทางพันธุกรรมที่เรียกว่า Janus ทำให้มีการเจริญเติบโตของหน้าอย่างผิดปกติ ธรรมดาถ้าเกิดอาการ Janus แมวจะมีชีวิตได้ไม่กี่วันหลังจากคลอดออกมา
  • แต่ แฟรงแก้น ลูอี้ นั้นสามารถมีชีวิตยืนยาวมาได้ถึง 12 ขวบปี
ข้อมูลอ้างอิง

  • http://www.dailymail.co.uk/news/article-2042538/Double-Meet-cat-lives-TWO-faces.html

โทรศัพท์ ซัมซุงกาแล็คซี่สกิน พับได้ ม้วนได้ (Samsung's Galaxy Skin)

โทรศัพท์มือถือ แห่ง อนาคต


ตอนนี้ซัมซุงได้ทำการประสานสุดยอดเทคโนโลยี่ เข้ากับสุดยอดวัสดุ โดยการนำ สารที่บางที่สุดในโลก หลอมรวมเข้ากับระบบจอสัมผัส เพื่อสร้างเป็นหน้าจอที่สามารถพับ โค้ง บิด งอ ได้อย่างอิสระที่ไม่มีวันแตกแม้แต่จะทุบด้วย ค้อน

รายละเอียด

  • เมื่อมกราคม 2011 ซัมซุงได้นำเสนอโทรศัพท์ต้นแบบที่สามารถพับโค้งบิดงอได้ ที่คาดว่าจะใช้ชื่อว่า ซัมซุงกาแล็คซี่สกิน(Samsung's Galaxy Skin)
  • วันนี้มีข่าวว่า ซัมซุงมีความพร้อมที่จะส่งโทรศัพท์สมาร์ทโฟนกาแล็คซี่สกิน ในช่วงไม่เกินไตรมาสสองของปี 2012 ที่จะถึงนี้
  • โดย กาแล็คซี่สกินจะใช้จอสัมผัส AMOLED ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 4.5 นิ้ว ที่มีความหนาเพียง 0.3 มิลลิเมตร
  • เทคโนโลยีจอ AMOLED มีการใช้สารที่บางที่สุดในโลกที่มีชื่อเรียกว่า กราฟีน(Graphene) โดยแผ่นกราฟีนนี้จะใช้ปกป้องหน้าจอลิควิดคริสตัล(Liquid Crystal) ซึ่งทำให้จอภาพสามารถบิดงอได้ และไม่แตกหักถึงแม้จะถูกทุบด้วยค้อนก็ตาม
  • โดยกาแล็คซี่สกินนี้คาดว่าจะมีสเปคดังนี้ หน้าจอแบบความละเอียด 800 x 480 flexible AMOLED , กล้อง 8 เมกะพิกเซล , แรม 1 Gb , ไมโครโปรเฟสเซอร์ความเร็ว 1.2 GHz

ด้วยจอแบบ AMOLED จะทำให้ซัมซุงกาแล็คซี่สกิน สามารถบิดโค้งงอได้โดยไม่แตกหัก ที่ ยังไม่มีโทรศัพท์ยี่ห้ออื่นสามารถทำได้มาก่อน

ข้อมูลอ้างอิง

  • http://www.dailymail.co.uk/sciencetech/article-2041969/Galaxy-Skin-Samsung-release-bendy-screened-smartphones-Spring-2012.html

วัสดุชนิดใหม่ ลื่นที่สุดในโลก (world's most slippery surface)

ลื่นที่สุดในโลก


แต่ก่อนเราอาจจะคิดว่า เทฟลอน(Teflon) คือ วัสดุที่ลื่นที่สุดในโลกที่เรามักจะพบเทฟลอนเคลือบอยู่บนกระทะเพื่อให้สามารถล้างทำความสะอาดได้ง่าย แต่ ตอนนี้เทฟลอนมีผู้ท้าชิงที่เป็น พืชกินแมลง ซะแล้ว

รายละเอียด

  • พืชกินแมลงที่พูดถึงนี้อยู่ในกลุ่มเดียวกับ ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง พวกมันมีใบที่วิวัฒนาการมาเป็นทรงทรงถ้วยสีสันสดใสที่จะส่งกลิ่นหอมเพื่อล่อลวงแมลงอับโชคให้เดินเข้าสู่หลุมพลางมรณะ เมื่อแมลงเดินสู่กับดักมรณะพวกมันก็จะลื่นลงสู่เบื้องล่างที่มีน้ำ ถึงแมลงจะไม่ตายทันทีแต่ก็ไม่สามารถปีนกลับขึ้นมาได้เนื่องจากมันลื่นจนจมน้ำตายในที่สุด
  • นักวิทยาศาสตร์จึงได้แนวคิดมาจากกับดักของพืชกินแมลง(carnivorous pitcher) เพื่อพัฒนาเป็นวัสดุซุปเปอร์ลื่น ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในวัสดุอุปกรณ์จำพวกทำความสะอาดตัวเองได้ เคลือบภายในท่อเพื่อลดแรงเสียดทานภายใน
  • โดยนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการ ลอกเลียนแบบโครงสร้างโมเลกุลของใบกับดักของพืชกินแมลง เพื่อสร้างเป็นวัสดุที่สามารถขจัดน้ำทุกหยดออกจากพื้นผิววัสดุ ที่ยังไม่มีวัสดุใดที่มนุษย์สร้างขึ้นสามารถทำได้มาก่อน
  • ความลับของพื้นผิวสุดลื่นนี้อยู่ที่พื้นผิวของวัสดุจะทำให้น้ำเกิดเป็นชั้นบางบนพื้นผิว จึงจะทำงานคล้ายชั้นน้ำระหว่างล้อรถยนต์กับพื้นถนนที่ทำให้รถลื่นไถล นักวิทยาศาสตร์จึงได้ผสามผสานวัสดุที่มีรูพรุนขนาดจุลภาค(microstructured porous material) กับ สารหล่อลื่นเหลว(Lubricating fluid)
  • โดยวัสดุสุดลื่นที่สุดในโลกชนิดใหม่นี้มีชื่อเรียกว่า Omniphobic วัสดุใหม่นี้ยังมีคุณสมบัติยอดเยี่ยมที่สามารถทำงานได้อุณหภูมิต่ำถึงจุดเยือกแข็ง ในสภาพชื้น ในสภาพความดันสูงเทียบเท่าความดันที่น้ำทะเลลึกถึง 7 กิโลเมตร
  • วัสดุนี้เป็นผลงานของ Joanna Aizenberg หัวหน้างานวิจัยจาก Harvard

วิธีสร้าง Omniphobic โดยนำวัสดุที่มีรูพรุนระดับจุลภาค(microstructured porous material) มาเคลือบด้วยสารหล่อลื่นให้เกิดเป็นชั้นฟิล์ม

ข้อมูลอ้างอิง

  • http://www.dailymail.co.uk/sciencetech/article-2040469/Scientists-inspired-carnivorous-plant-create-worlds-slippery-material-ultimate-non-stick-frying-pan.html

คนสุดขีด นางพญา แวมไพร์ (vampire mother)

นางพญาผีดูดเลือด


หลังจากเคยนำเสนอเรื่องราวของ คนสุดขีดไปมากมายหลายคน วันนี้ก็มาพบกับอีก 1 อนงค์นาง เธอแรงไม่แพ้ใคร กับฉายานามสุดสยองว่า นางพญาแวมไพร์(vampire mother)

รายละเอียด

  • เธอเกิดในครอบครัวที่เคร่งศาสนา เธอแต่งงานตั้งแต่อายุ 17 ปี
  • เธอมีชื่อจริงว่า Maria Hose Cristerna วัย 35 ปี แม่ของลูกๆ 4 คน ชาวเม็กซิกัน เธอโด่งดังขึ้นมาทันทีเมื่อปรากฎตัวในงานนิทรรศการรอยสักในมอนเทอเรย์ แคลิฟอร์เนีย ปี 2011
  • ด้วยรอยสักทั่วทั้งร่าง มีเขาสี่เขาที่เกิดจากการฝังไทเทเนียมไว้ใต้ผิวหนัง เหลาฟันจนแหลมคมเหมือนเขี้ยวผีดูดเลือด สวมใส่คอนแทคเลนส์ที่ทำให้ตาเธอไร้แวว การแต่งหน้า แต่งตัวสุดจะบรรยาย เธอยังกล่าวว่า"มันยังไม่จบเธอต้องการที่จะเพิ่มเขาอีกหลายอัน"
  • เธอกว่าวว่า "การสักนั้นเป็นการได้ปลดปล่อยชั้นให้เป็นอิสระ บนเส้นทางสู่ความเป็นนิรันดร์ เขานั้นเป็นสัญลักษณ์แห่งความแข็งแกร่งของฉันเนื่องจากขณะฝังไทเทเนียมเข้าไปในหนังศีรษะฉันนั้นไม่ได้การใช้ยาชา"
  • เธอกลายร่างเป็นนางพญาแวมไพร์ อันเป็นมาจากการที่ต้องอดทนต่อแรงกดดัน จากทางบ้านมานานปี และตัวเธอเอง และลูกสาวก็ชอบ แวมไพร์ เธอจึงเลือกทึ่จะกลายเป็น แวมไพร์

ยิ่งดูใกล้ยิ่งสยอง งั้นภาพต่อไปว่าไง


ซูมแบบจัดเต็ม กับ คนสุดขีด นางพญาแวมไพร์

ข้อมูลอ้างอิง

  • http://www.dailymail.co.uk/news/article-1373606/Vampire-woman-Maria-Hose-Cristerna-gets-horns-implanted.html
  • http://www.metro.co.uk/weird/860041-vampire-woman-gets-horns-implanted

หมา ที่ น่ารักที่สุดในโลก (Cutest dog)

Boo


บู คือ ชื่อของน้องหมาพันธุ์ปอมเมอเรเนี่ยน(Pomeranian) วัย 5 ขวบ ซึ่งมีแฟนบน Facebook มากถึง 1.79 ล้านคน(เริ่ม FB ตั้งแต่ปี 2009) แต่ละวันมีแฟนที่ติดตามเพิ่มขึ้นวันละเป็นพัน ส่วนใครเป็นเจ้าของน้องบูนั้นยังเป็นความลับ แต่เขาใช้นามแฝงว่า J.H Lee น้องบูโด่งดังขึ้นมาในเวลาอันสั้นจากภาพถ่ายที่สุดแสน น่ารักอ่ะ กับทรงผมแอฟโฟร(AFRO) ส่วนขนตามร่างกายตัดสั้น ด้วยแฟนบนFBมากมายขนาดนี้ไม่แปลกอะไรที่จะยกตำแหน่ง หมาน่ารักที่สุดในโลก ให้น้องบูไปครอง

คลังภาพ


นัยน์ตากลมดำ กับ ฮู้ดสีน้ำเงินขริบแดง สุดน่ารักอ่ะ


ภาพนี้คงเห่าซะลิ้นบานก็ยัง น่ารักอ่ะ


ภาพนี้ในชุดฟักทองยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่


แล้วเข้าไปทำไรเนี้ย


โหมดเครียดๆ ก็ยังน่ารักอ่ะ

บทความตรงกันข้าม กับ บู

ข้อมูลอ้างอิง

  • http://www.dailymail.co.uk/femail/article-2040461/Cutest-dog-world-Boo-Pomeranian-1-9m-Facebook-fans-book-deal.html

นิวตริโน เร็วกว่า แสง (neutrinos)

เร็วกว่าแสง

OhMyGod เราเรียนกันมาตั้งแต่เด็กว่า ไม่มีอะไรเร็วกว่าแสง(แสงเดินทางด้วยความเร็ว 299,792,458 เมตร/วินาที) แต่ เซิร์น(CERN) ได้ออกมากล่าวว่าพวกเขาได้ค้นพบสิ่งที่เร็วกว่าแสงแล้ว

รายละเอียด

  • เซิร์นได้ทำการยิงลำแสงนิวตริโน(Neutrino Beam) ด้วยเครื่องเร่งอนุภาค(Particle Accelerator) จากเซิร์นที่ตั้งอยู่ใกล้กรุงเจนีวา(Geneva) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ไปยังห้องปฏิบัติการในอิตาลีที่ห่างเป็นระยะทาง454ไมล์(730.64 กิโลเมตร) ลำแสงนิวตริโนใช้ระยะเวลาเดินทาง 60 นาโนวินาที เท่ากับว่านิวตริโนเดินทางด้วยความเร็ว 12,177,333,333 เมตร/วินาที ซึ่งนั้นหมายความว่านิวตริโนเดินทางเร็วกว่าแสงถึง 40.6 เ้ท่า
  • ทางเซิร์นได้คำนวณขอบเขตของค่าความผิดพลาดคลาดเคลื่อนในการทดลองนี้อยู่ที่บวกไม่เกิน 10 นาโนวินาที จากการที่ใช้เวลากว่าเดือนในการทดลองซ้ำกว่า 15,000 ครั้งแต่ก็ไม่พบความข้อบกพร่องของการทดลองนี้ ซึ่งนั้นหมายความว่าถึงจะมีค่าคลาดเคลื่อนที่ 10 นาโนวินาทีก็ไม่ทำให้ นิวตริโนเดินทางช้ากว่าแสงอยู่ดี
  • นาย James Gillies โฆษกของเซิร์น กล่าวว่า ค่าความเร็วที่เราอ่านได้นั้นมันช่างน่าตื่นตะลึงอย่างมาก เหล่านักวิจัยของเราต่างสอบถามผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก ทุกคนต่างคิดว่ามันไม่ถูกต้อง และไม่น่าจะเป็นไปได้ เหล่านักวิจัยจากเซิร์นจึงเชิญนักวิทยาศาสตร์เอกคนอื่นเพื่อมาตรวจสอบการวิจัยของพวกเขา และร่วมกันตรวจวัดอีกครั้ง
  • ย้อนไปในปี 1905 อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์(Albert Einstein) ได้สร้างทฤษฎีสัมพันธ์ภาพพิเศษ ที่รู้จักกันในสูตร E=mC2 คือพลังงานเท่ากับมวลคูณด้วยความเร็วของแสงยกกำลังสอง ถ้านิวตรโนเดินทางเร็วกว่าแสงเร็วจริงนั้นหมายความว่า ถ้าเร็วยิงวัตถุออกไปด้วยความเร็วมากกว่าแสงยกกำลังสองพลังงานที่ได้นั้นเท่ากับ อนันต์

ซ้ายของเส้นประคือเซิร์น ส่วนขวาของเส้นประคือตำแหน่งของห้องปฏิบัิติการในอิตาลี
นิวตริโน เป็นอนุภาคมูลฐาน(อนุภาคหน่วยเล็กที่สุดไม่สามารถแยกย่อยได้อีก) มีความสามารถทะลุทลวงผ่านสสารได้โดยไม่เกิดการรบกวน
ปัจจุบันค่านี้ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลอ้างอิง
  • http://www.dailymail.co.uk/sciencetech/article-2040735/Speed-light-experiments-baffling-result-Cern-Did-Einstein-wrong.html
  • http://en.wikinoticia.com/Technology/general-technology/97540-observe-neutrinos-faster-than-light

พระพุทธรูป บามิยัน มรดกโลก ประเทศอัฟกานิสถาน (Buddhas of Bamiyan)

พระพุทธรูป แห่ง บามิยัน

พระพุทธรูป แห่ง บามิยันเป็นพระพุทธรูปหินขนาดใหญ่ เคยเป็นข่าวโด่งดังเมื่อช่วงปี 2001 เมื่อมีภาพสุดสะเทือนใจชาวพุทธเมื่อกลุ่มตาลีบันได้ทำการระเบิดทำลายพระพุทธรูปแห่งบามิยัน เนื่องจากหลักศาสนาอิสลามไม่อนุญาตให้มีรูปเคารพ

รายละเอียด

  • พระพุทธรูปบามิยัน เดิมเคยประดิษฐานอยู่ที่หน้าผาที่ในบริเวณตอนกลางของประเทศ อัฟกานิสถาน ใน Bamyan Valley จังหวัด Hazarajat
  • ในอดีต Bamyan Valley เป็นหนึ่งในแนวเส้นทางสายไหม ที่ขบวนคาราวานจากจีน ที่จะเดินทางไปค้าขายในเอเซียตะวันตก จนกระทั้งถึงช่วงศตวรรษที่ 11
  • โดยศาสนาพุทธเริ่มเข้ามาสู่ บามิยันตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 2 จนถึงช่วงศตวรรษที่ 9 ศาสนาอิสลามเริ่มเข้ามามีบทบาท
  • บามิยัน มีความเฟื่องฟูในพุทธศาสนาอย่างมาก เป็นแหล่งรวมหลักปรัชญา และศิลปะอินเดีย
  • พระพุทธรูปบามิยันมีพุทธศิลป์แบบ Gandhara เป็นพระยืนแกะสลักเข้าไปในหน้าผาขนาดใหญ่ จำนวน 2 องค์
  • พระพุทธรูปบามิยันองค์ใหญ่คือ พระไวโรจนะพุทธเจ้า(Buddhas Vairocana)มีความสูง 55 เมตร(ก่อนจะถูกทำลายถือว่าเป็นพระพุทธรูปยืนแกะสลักที่สูงที่สุดในโลก) คาดว่าก่อสร้างในช่วงปี ค.ศ.591-644
  • พระพุทธรูปบามิยันองค์เล็กคือ พระศากยมุนีพุทธเจ้า(Buddhas Sakyamuni)มีความสูง 37 เมตร คาดว่าก่อสร้างในช่วงระหว่างปี ค.ศ.544 - 595
  • คาดว่า พระพุทธรูปบามิยัน ก่อสร้างโดยกษัตริย์ในราชวงศ์ Kushans ที่ได้รับคำแนะนำจากพระสงฆ์ ว่าถ้าทำการก่อสร้างพระพุทธรูปบามิยันจะนำความรุ่งเรืองมาสู่อาณาจักร
  • เป็นที่หน้าเสียดายยิ่งที่พระพุทธรูปบามิยัน ได้ถูกระเบิดทำลายลงเมื่อปี 2001 โดยกลุ่มตาลีบัน
ภาพขณะ พระพุทธรูปบามิยัน ถูกระเบิดทำลายลง โดยกลุ่มตาลีบัน

ภาพซ้ายก่อนถูกทำลาย ภาพขวาเมื่อถูกทำลายลง

ลักษณะทางกายภาพ ของ พระพุทธรูปบามิยัน

  • พระพุทธรูปบามิยัน สร้างโดยการแกะสลักโดยตรงเข้าไปในหน้าผาหินทราย เป็นโครงอย่างหยาบๆ ส่วนผิวและรายละเอียดภายนอกนั้นใช้การฉาบด้วย ดินผสมฟาง และฉาบทับด้วยปูนสทัคโค(Stucco คือ ปูนขาว+ทราย+หินอ่อนป่น)เป็นชั้นสุดท้ายเพื่อเพิ่มความคงทนแข็งแรงของผิวภายนอก
  • จะเห็นว่าภาพจั่วหัว บริเวณฐานของพระพุทธรูปจะมีรูพรุนเล็กๆจำนวนมาก สิ่งนี้ไม่ได้เกิดจากรอยกระสุนปืนยิง แต่เป็นรูที่ช่างในอดีตจงใจเจาะไว้เพื่อใช้อัดลิ่มไม้เข้าไปและโผล่ปลายออกมาเป็นเป็นเดือยไว้ยึดผิว ดินผสมฟาง และผิวปูนสทัคโค เพื่อป้องกันการหลุดล่อน
  • เพื่อเป็นการเพิ่มเติมรายละเอียดสุดท้ายบริเวณใบหน้า มือ และรอยยับของจีวร จะมีการลงสี โดยพระพุทธรูปองค์ใหญ่จะใช้สีแดงสีเดียว ส่วนพระพุทธรูปองค์เล็กจะมีการใช้สีตกแต่งหลายสีสัน
  • บริเวณท่อนแขนส่วนล่างของพระพุทธรูป จะก่อสร้างด้วยโครงไม้เป็นแกน(Armature) และฉาบผิวด้านนอกด้วย ดินกับฟาง และเคลือบทับด้วยปูนสทัคโค
  • มีความเชื่อว่าบริเวณพระพักต์ส่วนบน คาดว่าจะมีหน้ากากไม้ หรือ หน้ากากเหล็กหล่อขนาดใหญ่ สวมอยู่อีกชั้นหนึ่งในอดีต
  • บนหน้าภาจะมีถ้ำเล็กๆจำนวนมาก เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของเหล่านักบวช โดยภายในถ้ำบางแห่งจะมีภาพวาดฝาหนังทางศาสนาอย่างงดงาม
จะเห็นว่าบนหน้าผาจะมีถ้ำเล็กๆ จำนวนมากมายที่เป็นที่พำนักของ นักบวช

ข้อมูลอ้างอิง

  • http://en.wikipedia.org/wiki/Buddhas_of_Bamiyan

วิญญาณ แห่ง ขุนเขา

วิญญาณ แห่ง ขุนเขา


หากวิญญาณมีจริงภาพที่เห็นนี้คงภาพวิญญาณที่คนดีมองเห็น แต่ถ้าเป็นพวกตัดไม้ทำลายป่า โกงบ้านโกงเมือง ยุยงให้เพื่อนร่วมชาติฆ่าฟันกัน คงจะมองเห็นแต่ผีห่าซาตานในห้วงนรกในใจของตนเอง

รายละเอียด

ตามจริงภาพที่เห็นนี้ไม่ใช่สิ่งเร้นลับ เหลือธรรมชาติอะไรทั้งสิ้นเป็นเพียงปรากฎการณ์ธรรมชาติที่เหมาะเจาะที่ถูกบันทึกภาพไว้ได้เท่านั้นเอง
  • สถานที่ถ่ายภาพนี้คือ หุบเขาแอนทีโลพส่วนบน หนึ่งในหุบเขาที่สวยงามที่สุดในโลก
  • ส่วนที่เห็นเป็นเหมือนวิญญาณนั้นคือ ทรายที่ไหลลงมาจากเบื้องบน ผ่านลำแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลอดลงมา(คาดว่าผู้ถ่ายภาพคงถ่ายภาพในโหมด Long Exposure จึงทำให้เห็นเม็ดทรายที่ถ่ายภาพได้เหมือนหมอกควันในภาพ)
ข้อมูลอ้างอิง

  • http://ngm.nationalgeographic.com/ngm/photo-contest/2011/entries/gallery/nature-week-2/#/72812_0_608x403.jpg

วิธีรักษาปานบนใบหน้า โดยการ สวมเขา

ปีศาจน้อย


ใครจะเชื่อว่าแพทย์ได้ทำการผ่าตัดใส่เขาให้หนูน้อยคนนี้เพื่อรักษาอาการผิดปกติทางร่างกายให้

รายละเอียด

  • หนูน้อยในภาพจั่วหัวมีชื่อว่า George Ashman เกิดมาพร้อมปานแดงขนาดใหญ่บริเวณหน้าผาก และมารดาของหนูน้อยที่ก็กลัวว่าเขาจะต้องมีปมด้อยไปตลอดชีวิตเธอจึงไปปรึกษาแพทย์เพื่อให้ทำการรักษาหนูน้อย
  • เมื่อหนูน้อยมีอายุได้ 4 ขวบ หนูน้อยได้รับการผ่าตัดที่ไม่ธรรมดาเพื่อยืดผิวหนังบริเวณหน้าผาก(ผิวหนังปกติที่ไม่เป็นปาน)
  • การยืดผิวหนังใช้การฝังอุปกรณ์ยืดเนื้อเยื่อ ที่มีลักษณะเป็นถุงไว้ใต้ผิวหนัง ที่สามารถขยายตัวขึ้นเมื่อมีการฉีดของเหลวจากร่างกายของผู้ป่วยเข้าไปในถุง โดยจะค่อยๆทำการขยายผิวหนังทีละเล็กทีละน้อยเป็นระยะเวลา 4 เดือน
  • เมื่อผิวหนังยืดจนได้ที่มากพอ แพทย์ก็จะทำการผ่าตัดปานบนหน้าผากออก แล้วใช้ผิวหนังบริเวณที่ยืดเตรียมไว้เย็บเข้าปิดแทนที่บริเวณที่เป็นปานที่ผ่าตัดออกไป
  • ภายหลังการผ่าตัดจากปานแดงขนาดใหญ่กลางหน้าผาก หนูน้อยเหลือเพียงแผลเป็นขนาดเล็กคล้ายๆ แฮรี่ พอตเตอร์ บนหน้าผากแทน
  • การผ่าตัดนี้เป็นฝีมือของแพทย์จากโรงพยาบาล Great Ormond Street Hospital ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

หลังการผ่าตัดหนูน้อยก็กลับกลายเป็นเด็กน้อยน่ารักปกติ แถมหล่อเหลาทีเดียว

บทความที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลอ้างอิง

  • http://www.dailymail.co.uk/health/article-2039994/Birthmark-Boy-5-endures-horn-implants-surgeons-remove-haemangioma-birthmark.html

พิธีศพแปลกๆ ต้มศพให้กลายเป็น น้ำซุปข้นๆ

พิธีศพ โดยการต้ม


เชื่อหรือเปล่าว่ามี พิธีศพแปลกๆ ที่นำศพผู้ตายมาต้มจนเหลือแต่น้ำเข้นๆสีน้ำตาล(คล้ายน้ำเชื่อม) กับกระดูก หลายคนอาจจะคิดว่ามันคงเป็นพิธีกรรมโบราณที่สาบสูญ แต่ความจริงมันเป็นเทคโนโลยี่ใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

รายละเอียด


  • ที่เห็นในภาพจั่วหัว เป็นเครื่องจักรสเตนเลสขนาดใหญ่ที่เรียกว่าเครือง alkaline hydrolysis ที่ใช้สำหรับ ละลายศพเป็นน้ำเข้นๆสีน้ำตาลอมเขียว
  • ขบวนการละลายศพนี้เรียกว่า Resomation (โดยคำว่า Resoma เป็นภาษากรีก ที่หมายความว่า การถือกำเนิดใหม่ของมนุษย์)
  • โดยขณะนี้ในสหรัฐอเมริกามีอยู่ 7 รัฐที่อนุญาตให้ประกอบพิธีฌาปนกิจ โดยการต้มให้ละลายเช่นนี้ โดยรัฐฟลอริดา(Florida)เป็นรัฐล่าสุด
  • ผู้ผลิต และติดตั้งเครื่อง alkaline hydrolysis คือบริษัท Glasgow-based company
ขั้นตอนการทำงานของเครืืองต้มศพ

  1. ใส่ศพเข้าไปในเครื่อง alkaline hydrolysis ปิดฝา
  2. ปล่อยสารละลาย(น้ำ+potassium hydroxide)แช่ศพให้ท่วมแล้วทำการเพิ่มแรงดัน และอุณหภูมิให้อยู่ที่ 180 องศาเซลเซียส เป็นระยะเวลา 2.5 - 3 ชั่วโมง
  3. ศพจะละลายกลายเป็นน้ำเข้นๆสีน้ำตาลอมเขียว(คล้ายน้ำเชื่อม)จำนวนเล็กน้อยที่เป็นสารประกอบของ กรออมิโน(amino acids) , เป็ปไทด์(peptides) , น้ำตาล และเกลือ เหลือไว้แต่โครงกระดูกเปื่อยนุ่มที่สามารถบดได้โดยง่ายที่จะนำไปฝัง หรือ เผา หรือ ญาติจะรับคืนแล้วแต่กรณีไป
  4. โดยผู้ผลิตกล่าวว่า น้ำเข้นๆที่เหลือนี้ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม สามารถนำไปใช้ราดต้นไม้ทำเป็นต้นไม้รำลึก หรือปล่อยลงระบบบำบัดน้ำเสียก็ได้
บทความที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลอ้างอิง
  • http://www.dailymail.co.uk/news/article-2039016/Resomation-Florida-funeral-home-brings-body-liquefaction-machine.html

เทศกาล ปามะเขือเทศ (Tomatina)

เทศกาลขว้างปา มะเขือเทศ

เมืองไทยมีเทศกาลสงกรานต์ สาดน้ำกันเปียกปอนกันทุกเดือนเมษายนของทุกปี สเปนก็มีเทศกาลที่จะออกมาขว้างปา มะเขือเทศ จนทั่วท้องถนนนั้นดุจนองไปด้วยซุปมะเขือเทศก็ไม่ปาน

รายละเอียด

  • งานเทศกาลปามะเขือเทศ จัดเป็นประจำทุกปี ทุกวันพุธสุดท้ายของเดือนสิงหาคม ณ หมู่บ้านบาเลนเซียน(Valencian) ของ Buñol ในจังหวัดบาเลนเซีย(Valencia) ประเทศสเปน
  • เทศกาลนี้ไม่มีอะไรมาก สิ่งที่คุณต้องทำคือการขว้างปา มะเขือเทศ เข้าใส่กันอย่างสนุกสนาน
  • ต้นกำเนิดของเทศกาลนี้ย้อนไปเมือปี 1944 ระหว่างขบวนพาเหรด gigantes y cabezudos เกิดมีเหตุการณ์วัยรุ่นทะเลาะกัน และเจ้ากรรมดันมีแผงขายมะเขือเทศอยู่ใกล้มือพวกวัยรุ่นพวกเขาจึงใช้มันเป็นอาวุธในการขว้างปาเข้าใส่กัน จนตำรวจต้องเข้ามายุติศึกมะเขือเทศ และทำการปรับค่าเสียหาที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์นี้
  • ในปีต่อมาพวกวัยรุ่นก็ยังคงมาเปิดศึกกันอีกเช่นเคยเหมือนปีที่แล้ว แต่สิ่งที่ต่างออกไปในปีนี้พวกเขาเตรียม มะเขือเทศ กันมาจากบ้าน และก็ต้องลำบากตำรวจอีกแล้วครับท่านที่ต้องเข้ามยุติเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทกัน แต่มันก็คือประถมบทแห่งเทศกาลปามะเขือเทศ อันลือลั่นที่ถูกจัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องทุกปีเรื่อยมา
  • โดยเทศกาลนี้จะเริ่มต้นเวลา 10 โมงเช้าของวันพุธสุดท้ายของเดือนสิงหาคม โดยจะเริ่มด้วยการปีนเสาทาน้ำมันที่ด้านบนมี แฮม แขวนอยู่ถ้ามีคนสามารถปีนไปโยนแฮมลงมได้ถือเป็นการเริ่มต้นสงครามมะเขือ(ระหว่างที่มีคนพยามปีนไปเอาแฮม ชาวบ้าน นักท่องเที่ยวด้านล่างจะร้องเพลง เต้นรำใต้สายน้ำจากท่อประปาอย่างสนุกสนานเพื่อเป็นการฆ่าเวลา)
  • โดยเวลา 11 โมง รถบรรทุกมะเขือเทศจะแล่นออกมายัง พลาซ่า del Pueblo แล้วเริ่มขว้างปามะเขือเทศจากบนรถสู่นักท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวก็ต่างเก็บมะเขือเทศขึ้นมาขว้างใส่กันอย่างเมามันไม่ถือโทษโกรธเคื่องกัน
  • โดยมะเขือเทศที่นำมาใช้ในเทศกาลนี้มาจาก Extremadura เนื่องจากมะเขือเทศจากที่นี้มีรสชาติไม่อร่อย ราคาถูก ก่อนนำมะเขือเทศมาใช้ในเทศกาลจะต้องนำมะเขือเทศมาคลึงให้น่วมก่อนนำมาเล่นในเทศกาลเพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บรุนแรง
ถ้าจะมาเล่นในเทศกาลนี้อย่าลืมแว่นตาว่ายน้ำกันตาแตก

ข้อมูลอ้างอิง

  • http://en.wikipedia.org/wiki/Tomatina

ค้นพบ ความลับ เกี่ยวกับความสูงในเด็ก

ความสูงในเด็ก

นักวิจัยค้นพบ ความลับ เด็กๆจะมีความสูงเฉลี่ยนสูงขึ้น นั้นขึ้นอยู่กับระยะทางของบ้านเกิด พ่อ กับ แม่ โดยถ้าบ้านเกิดยิ่งห่างกัน เด็กยิ่งมีโอกาสสูงขึ้นมากกว่าปกติ

รายละเอียด

  • ทีมวิจัยจาก the Institute of Anthropology ที่นำโดย Dariusz Danel ได้ทำการเก็บข้อมูลความสูงเด็กอายุ 6-18 โดยเป็นเด็กชาย 2675 คน และเด็กหญิง 2603 คน ในโปแลนด์ ว่ามีความเชื่อมโยงกับ ความสูงของผู้พ่อแม่ และรายได้ของครอบครัว อย่างไร
  • พบว่า เด็ก ที่มีพ่อแม่ที่มีความสูง และมีรายได้สูง ได้มีความสูงมากขึ้นจากพันธุ์กรรมของพ่อแม่ และการเลี้ยงดูที่ดีได้รับสารอาหารครบถ้วน
  • แต่ ทีมวิจัยยังพบ ความเชื่อมโยงว่า ถ้า พ่อ กับ แม่ นั้นมีบ้านเกิดมีระยะทางห่างไกลกันมากเท่าไร ลูกมีแนวโน้มที่จะมีความสูงเพิ่มขึ้น อันเป็นผลมาจาก การที่พ่อ แม่ เกิดกันห่างกัน จะมียีนที่แตกต่างกันมากขึ้น ทำให้เกิดความหลากหลายทางพันธุ์กรรม
ข้อมูลอ้างอิง


  • http://www.dailymail.co.uk/sciencetech/article-2022771/Why-secret-raising-tall-children-embark-long-distance-relationship.html

ฉลามเน่า อาหารพิศดาร กลิ่นเหม็น ที่สุดในโลก (shark rotten)

ฉลามเน่า


เหล่านักชิมอาหาร ต่างกล่าวขานว่า ฉลามเน่า คือ อาหารที่มี กลิ่นเลวร้ายที่สุดในโลก เท่าที่เขาเคยได้กลิ่นมา

รายละเอียด

  • ฉลามเน่า(Hákarl หรือ kæstur hákarl) เป็นอาหารพื้นเมืองของชาวไอซ์แลนด์ ที่ทำจากเนื้อ ปลาฉลามกรีนแลนด์(Greenland shark) หรือไม่ก็ทำจาก ฉลามบาสกิ้น(Basking shark)
  • เนื้อฉลามเน่า จะถูกเสิร์ฟ มาเป็นส่วนหนึ่งในจานของเมนูอาหารที่เรียกว่าþorramatur(เป็นเมนูอาหารที่จะประกอบด้วยเนื้อสัตว์ ปลาที่ถูกถนอมไว้ด้วยกรรมวิธีดั่งเดิม กับ ขนนปัง เนย และเหล้า akvavit) ที่จะกินกันในเทศกาล Þorrablót
  • เนื้อปลาฉลามสด นั้นเป็นอันตรายในการนำมาบริโภคสดๆ เนื่องจากมีพิษจาก กรดยูริค(Uric acid) และ trimethylamine oxide แต่เมื่อผ่านขบวนการถนอมอาหารสูตรพิเศษของจาก ไอซ์แลนด์ จะทำให้มันมีกลิ่นเหมือน แอมโมเนีย(Ammonia : กลิ่นเหมือนผลิตภัณฑ์ล้างห้องน้ำ)
  • ส่วนรสชาตินั้น ไม่ได้เลวร้ายเหมือนกลิ่นของมัน คือ มีรสหวาน นุ่ม แต่มันก็คือเป็นเมนูอาหารระดับฮาร์ดคอร์ สำหรับมือใหม่หัดชิม(เป็นคำกล่าวของนาย Andrew Zimmern ที่เป็นพิธีกรรายการ Bizarre Foods with Andrew Zimmern)
  • สำหรับใครอยากทำ ฉลามเน่า ไว้กิน ทำตามวิธีข้างล่างเลย
วิธีการทำ ฉลามเน่า ไว้รับประทาน

  • นำฉลามมาตัดหัวออก
  • ขุดหลุมตื้นๆ ไว้สำหรับฝังซากฉลามไร้หัว แล้วกลบด้วยทราย หรือ กรวด
  • เมื่อฝังกลบเสร็จ ให้นำหินหนักมาวางทับด้านบนหลุม เพื่อให้น้ำหนักหินบีบของเหลวต่างๆออกจากซากปลาฉลาม เป็นระยะเวลา 6 -12 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับฤดูกาล
  • เมื่อหมักจนได้ที่ก็ขุด ซากปลาฉลามเน่าขึ้นมา ทำการแล่เป็นก้อน นำไปผึ่งลมไว้ในที่ร่ม เป็นระยะเวลาอีก 2-3 เดือน ระหว่างนี้เนื้อปลาฉลามจะเกิดเป็นคราบสีน้ำตาลหุ้มจนทั่วเนื้อฉลามเน่า เป็นการจบขบวนการ
ข้อมูลอ้างอิง

  • http://en.wikipedia.org/wiki/H%C3%A1karl
  • http://en.wikipedia.org/wiki/%C3%9Eorramatur

ดอกไม้ในตำนาน ดอกกุหลาบสีฟ้า (Mythical Blue Rose)

ดอกไม้ในตำนาน


ดอกกุหลาบสีฟ้า เป็นดอกกุหลาบในตำนานอันเนื่องมาจาก ในดอกกุหลาบไม่ไม่เม็ดสีสีฟ้าจึุงไม่สามารถจะผสมพันธุ์เพื่อสร้างดอกกุหลาบสีฟ้าขึ้นมาได้ ทำได้อย่างเก่งก็เพียงแต่นำ ดอกกุหลาบสีขาวไปย้อมสีฟ้าเท่านั้นในอดีต

รายละเอียด

  • ดอกกุหลาบสีฟ้านี้มีชื่อว่า Applause
  • ดอกกุหลาบสีฟ้านี้สร้างด้วยเทคโนโลยี่การดัดแปลงพันธุกรรมที่ก้าวหน้า และความพยายามกว่า 20 ปี ของบริษัท Suntory Ltd.
  • ดอกกุหลาบสีฟ้านี้สร้างโดยการ ดัดแปลงพันธุกรรม โดยการสังเคราะห์เม็ดสีสีม่วงที่พบในดอกไม้ที่ชื่อว่า delphinidin ขึ้นในดอกกุหลาบสีขาวซึ่งทำให้สามารถสร้างดอกกุหลาบสีม่วงอ่อนที่แลดูใกล้เคียงดอกกุหลาบสีฟ้าในตำนานที่สุดเท่าที่เคยมีมาก่อน
  • ดอกกุหลาบสีฟ้านี้มีราคาประมาณ 15 -20 ปอนด์(750-1,000 บาท/ดอก)

ในอดีตมีคำกล่าวว่ามีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่สร้างกุหลาบสีฟ้าได้

ข้อมูลอ้างอิง

  • http://www.dailymail.co.uk/news/article-2037923/Blue-rose-bloom-finally-goes-sale-U-S.html

ผู้ลงโฆษณา รายแรกใน wowboom คือ zemaro.in.th

ลูกค้ารายแรก


ใครว่าเล่น Facebook(FB) ไม่มีประโยชน์ ถ้าเรารู้จักแบ่งเวลา และนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ ปกติ Admin DEN ไม่เคยลงรับโฆษณาจากภายนอกเลย Admin DEN ติดแต่โฆษณา Per Per Click(PPC) อย่าง Google(โดนแบนไปแล้วข้อหาเป็นเว็ปอนาจาร) , Nipa , Adyim และอยู่ๆ FB ก็พาลูกค้ามาให้รายแรก

รายละเอียด
  • ย้อนไปเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2554 คุณ Skyz Ragnarok ก็ส่งข้อความสอบถามเข้ามาว่าต้องการลงโฆษณาใน wowboom
  • ผมจึงได้ทำหน้า Page อัตราค่าโฆษณาขึ้นมาตาม Link นี้เลย http://wowboom.blogspot.com/2008/10/wowboom.html ขึ้นมา
  • และในวันที่ 16 กันยายน 2554 จึงเป็นวันแรกที่ได้เริ่มรัน โฆษณาจาก http://www.zemaro.in.th/ เป็นวันแรกครับ
  • ใครสนใจ Ragnarokเถื่อน roเถื่อน แร็คเถื่อน class 3 ro roเถื่อน2011 ragnarokเถื่อนจุติ แร็คเถื่อนจุติ ro ก็คลิกเข้าไปเล่นกันได้นะครับ

สัตว์แปลก แมวน้ำสีสนิม

แมวน้ำประหลาด สีสนิมเหล็ก


wowboom เคยนำเสนอ แมวน้ำที่มีลายเหมือนมีริบบิ้นสีขาวพันอยู่อยู่บนร่างกายมาแล้วครั้งหนึ่ง วันนี้ก็มีแมวน้ำแปลกๆที่มีสีขนสีแดง เหมือนไปโกรกสีขนมาจาก ซาลอน


รายละเอียด

  • ลูกแมวน้ำตัวนี้มีขนสีน้ำตาลแดง นัยน์ตาสีฟ้า(แต่มีปัญหาทางสายตา ทำให้สายตาเกือบบอด) ที่ถูกขับออกจากฝูงเนื่องจาก แลดูเป็นตัวประหลาดจากแมวน้ำตัวอื่นที่มีสีดำเป็นเงา
  • ภาพนี้ถูกถ่ายโดย Anatoly Strakhov บนเกาะ Tyuleniy ประเทศรัสเซีย
  • เนื่องจากสายตาที่ไม่ดี สีขนที่สะดุดตาทำให้เป็นการยากที่มันจะสามารถรอดชีวิตในธรรมชาิติ แต่ยังเป็นโชคดีของ แมวน้ำสีสนิมตัวนี้ที่ นายAnatoly Strakhov เดินทางมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ของ dolphinarium ซึ่งรับอาสาจะนำมันกลับไปดูแล
  • การที่ ลูกแมวน้ำตัวนี้มีสีขนที่แปลกประหลาดเป็นผลมาจากแร่เหล็กที่สะสมในขนของมัน

ลูกแมวน้ำสีแดงสนิม นั่งอยู่อย่างโดดเดี่ยวบนหาดห่างไกลจากพวกพ้อง ที่กำลังมองกลับไปยังฝูงที่ไม่ต้อนรับมัน แต่ยังนับว่ามันโชคดีที่เจ้าหน้าที่จะเจ้าหน้าที่จากสวนน้ำปลาโลมาที่จะนำมันดูแล
โชคดีนะ เจ้าลูกแมวน้ำสีสนิม
ข้อมูลอ้างอิง

  • http://www.dailymail.co.uk/news/article-2037734/The-lonely-seal-wanted-Pup-abandoned-having-rare-brown-fur.html#ixzz1YCcaAkUU

แมงกะพรุนหมวกดอกไม้ แมงกะพรุนสวยที่สุดในโลก (flower hat jelly)

แมงกะพุรนหมวกดอกไม้


แมงกะพรุนหมวกดอกไม้(flower hat jelly ชื่อวิทยาศาสตร์ Olindias formosa) เป็น 1 ในแมงกะพรุนหายาก และ สวยที่สุดในโลก ชนิดหนึ่งในโลก

รายละเอียด

  • พวกมันมีถิ่นที่อยู่อาศัยในทะเลของประเทศ บราซิล อาเจนติน่า และ ทางใต้ของญี่ปุ่นเท่านั้น
  • พวกมันมีลักษณะลำตัวโปร่งแสง มีเป็นแถบทึบแสงเล็กๆ และมีหนวดสีสันสดใส เหมือนประดับประดาด้วยดอกไำม้ งดงามยิ่งนัก
  • พวกมันกินปลาขนาดเล็กเป็นอาหาร
  • แมงกะพรุนหมวกดอกไม้ มีหนวดที่มีเข็มพิษต่อยเจ็บปวดมาก แต่ไม่ถึงขั้นทำให้มนุษย์เสียชีวิต
บทความที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลอ้างอิง

  • http://en.wikipedia.org/wiki/Flower_hat_jelly

ต้นไม้แปลกๆ ออกลูกเป็น เงิน (Wishing Tree)

ต้นไม้ที่ออกลูกเป็นเงิน


ตอนเด็กๆหลายคนคงจะมีความคิดว่า คงจะดีไม่ใช่น้อยถ้ามีต้นไม้ที่ลูกมาเป็น เงิน เหมือนในนิทาน แต่ นิทานบางเรื่องมันก็อิงมาจากเรื่องจริง แล้วคุณคิดว่าอย่างไรกับรูปภาพจั่วหัวนี้ที่ ท่อนซุงที่มีเงินเหรียญโผล่มาเต็มไปหมดดังภาพ

รายละเอียด

  • แต่ถ้าคุณเดินทางไปเที่ยวในป่าประเทศอังกฤษ คุณอาจจะพบกับเหล่าเหรียญปริศนาเหล่านี้ ที่แลดูเหมือนจะงอกออกมาจะลำต้นของต้นไม้ เมื่อลองดูกันดีๆเหรียญบางเหรียญนั้นมีอายุนับร้อยปี
  • ต้นไม้ประหลาดนี้จะพบเห็นได้ตามแนวเส้นทางเดินในป่า โดยจะพบได้ตั้งแต่บริเวณ Peak District ไล่ไปถึงบริเวณ Scottish Highlands
  • การที่มีเหรียญโผล่มาจากลำต้นนั้นเกิดจากคนที่ใช้หินตอกเหรียญฝังลงไปในเนื้อไม้ โดยใช้เหรียญเหล่านี้เป็นของถวายแด่เทวดา นางไม้ที่อาศัยอยู่ในต้นไม้ เพื่อเป็นการขอพรให้โชคดี มันเป็นความเชื่อเรื่องโชคลางในอดีตเมื่อกว่าร้อยกว่าปีล่วงมาแล้ว
  • ถามว่าทำไมจึงมีเหรียญมากมาย ไม่มีใครขโมยเหรียญบ้างหรือ เนื่องจากมีความเชื่อที่ว่าบางคนมาขอพรให้หายป่วย เมื่อตอกเหรียญลงเนื้อไม้ความเจ็บป่วยในการผู้ขอพรจะถูกตอกตรึงทิ้งไว้ในเหรียญ ทำให้มีความเชื่อว่าถ้าใครมาดึงเหรียญออกโรคร้ายก็จะย้อนเข้าตัวคนขโมย แทน
  • ภาพที่เห็นนี้เป็นท่อนไม้ที่หมู่บ้าน Portmeirion ในเวลส์(Wales)

จะเห็นว่าจะมีเหรียญมากมายตอกอยู่เต็มไปหมด


ซูมๆ จะเห็นเหรียญทองแดง เหรียญเงินอยู่เต็มไปหมด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลอ้างอิง

  • http://www.dailymail.co.uk/news/article-2036581/Mystery-wishing-trees-studded-coins-illness-away-sick.html

ทากทะเล ประหลาด มีปากเป็นตะแกรงร่อนทราย (Melibe viridis)

ห่อให้ด้วย


ภาพที่เห็นนี้คงเหมือนสัตว์ประหลาดใน ภาพยยนตร์สยองขวัญ แต่ พวกมันเป็นสัตว์ที่มีปากที่วิวัฒนาการมาเป็นพิเศษไม่ซ้ำแบบสัตว์ชนิดใดในโลก


รายละเอียด


  • ภาพที่เห็นนี้เป็น ทากทะเล ที่คลานหากินอยู่บนพื้นทะเล ที่มีชื่อว่า Melibe viridis
  • พบได้ในบริเวณทะเลทางตะวันตกของเขตอินโด-แปซิฟิก(the tropical Indo-West Pacific)
  • พวกมันสามารถโตจนมีความยาวได้ 12 เซ็นติเมตร
  • ทากทะเลพวกนี้วิวัฒนาการมาจนมีลักษณะเฉพาะคือ พวกมันได้ละทิ้งฟันแรดูลา( radular teeth ฟันจำนวนมากที่เรียงตัวหลายแถวเพื่อใช้ขูดอาหารกิน) แล้วพัฒนาปากที่มีลักษณะเป็นเยื่อบางๆ(Oral veil) คล้ายตะแกรงร่อนทราย
  • โดยพวกมันจะปากนี้ช้อนทรายเพื่อค้นหาเหยื่อ เมื่อปุ่มรับรู้ความรู้สึกสัมผัสได้ถึง กุ้ง หรือ ปูขนาดเล็ก ขอบปากจะหุบเข้ามาอย่างรวดเร็วขัง เหยื่อไว้ภายใน และย่อยเหยื่อผู้โชคร้ายเป็นอาหาร
ข้อมูลอ้างอิง

  • http://www.seaslugforum.net/find/20064
  • http://www.seaslugforum.net/find/meliviri

กุ้งมังกรสีชมพู ขนปุย (Hairy Squat Lobsters)

กุ้งขน

เคยได้ยินแต่ปูขน วันนี้ไปเจอกุ้งขน แสนสวยเลยเอาภาพมาให้ชมกัน พวกมันมีชื่อว่ากุ้งมังกรอ้วนสั้นมีขน (Hairy Squat Lobsters มีชื่อวิทยาศาสตร์วา่ Lauriea siagiani) พวกมันเป็นกุ้งขนาดเล็กจึงพบเห็นได้ยากยิ่ง พวกมันจะอาศัยอยู่บน ฟองน้ำถังยักษ์(Giant Barrel Sponges)

บทความที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลอ้างอิง

  • http://www.thefeaturedcreature.com/2011/03/pink-hairy-squat-lobster-need-i-say.html#axzz1ViKKkemL

เครื่องเขียน ที่รวม ข้อดีของ ดินสอ และ ปากกา ไว้ด้วยกัน (Sharpie Liquid Pencil)

เมื่อ ดินสอ + ปากกา


ดินสอ มีข้อดีที่เขียนแล้วลบได้ง่าย แต่ มันก็เป็นข้อด้อยไปพร้อมๆกัน เนื่องจากในเมื่อมันลบง่ายทำให้มันไม่ถาวร สิ่งที่เขียนไว้เสื่อมสลายได้ง่ายเมื่อเวลาผ่านไปนาน

รายละเอียด

  • มีปากกายี่ห้อ Sharpie รุ่น ดินสอเหลว(Liquid Pencil) ที่รวมคุณสมบัติของ ดินสอ และ ปากกา ไว้ด้วยกัน
  • ปากกา Sharpie Liquid Pencil นี้จะมีหมึกเป็น แกรไฟท์เหลว(liquid graphite)
  • เมื่อเขียน ปากกา นี้ลงบนกระดาษ หมึกแกรไฟท์เหลว สามารถลบออกได้โดยง่าย
  • แต่ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร หมึกนี้จะยิ่งลบยากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถลบออกในที่สุด

ปากกา ที่ใช้หมึกแกรไฟท์เหลว เขียนลื่นเหมือนปากกาลูกลื่น ลบหมดจรดเหมือนดินสอ นานวันหมึกจะถาวรเหมือนปากกาหมีกเพอมาเน้นท์(ถาวร)

ข้อมูลอ้างอิง

  • http://gajitz.com/getting-the-lead-out-hybrid-writer-gets-high-marks/
  • http://blog.sharpie.com/2010/08/introducing-the-new-sharpie-liquid-pencil/

เลิฟนัท ผลไม้ ใหญ่ และ แปลกประหลาดที่สุดในโลก (Love nut )

ผลเลิฟนัท


ผลไม้นี้มีรูปร่างชวนจินตนาการเลยเถิดไปไกลลลลลลลลลลลลลลล แต่จริงมันเป็นผลมะพร้าว ที่ถูกเรียกว่า เลิฟนัท(Love Nuts)

รายละเอียด
  • ผลเลิฟนัท เป็นผลของต้นมะพร้าวทะเล (Coco de Mer ชื่อวิทยาศาสตร์ Lodoicea maldivica) พวกมันเป็นพืชในตระกูลปาล์ฺมที่ขึ้นบนเกาะ(palm endemic)
  • ปัจจุบันสามารถพบมะพร้าวทะเล ได้เฉพาะที่เกาะ Praslin และ เกาะCurieuse ประเทศเซเชลส์(Seychelles) เท่านั้น แต่ก่อนพบที่เกาะอื่นในประเทศเซเชลส์แต่ปัจจุบันเหลือแค่ 2 เกาะเท่านั้น
  • ต้นมะพร้าวเลิฟทะเล สามารถสูงได้ถึง 25-34 เมตร มีใบมีลักษณะเป็นแฉกคล้ายพัด ใบยาวได้ถึง 7-10 เมตร กว้าง 4.5 เมตร ก้านใบยาว 4 เมตร
  • โดยต้นมะพร้าวทะเลจะแยกออกเป็น 2 เพศ คือ เพศผู้ และเพศเมีย แยกต่างกันคนละต้น
  • โดยดอกเพศผู้จะมีลักษณะเป็นช่อดอก ที่สามารถยาวได้ถึง 1 เมตร
  • ผลมะพร้าวทะเล ถูกเรียกว่า เลิฟนัท(Love nut) เนื่องเมล็ด(กะลามะพร้าวคือเมล็กมะพร้าว)ของมันมีลักษณะคล้ายบริเวณช่วงสะโพกของหญิงสาว บ้างก็ถูกเรียกว่า มะพร้าวแฝด(Double coconut) หรือ ถั่วเซเชลส์(Seychelles Nut)
  • ผลเลิฟนัท เป็น ผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดในอาณาจักรพืช มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 40-50 เซ็นติเมตร หนัก 15-30 กิโลกรัม (ที่มีการบันทึกผลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดนั้นหนักถึง 42 กิโลกรัม)
  • และ เมล็ดของเลิฟนัท ยังเป็นเมล็ดพืชที่หนักที่สุดในโลกอีก 1 ตำแหน่งด้วยน้ำหนักถึง 17.6 กิโลกรัม
  • ผลเลิฟนัท ใช้เวลาถึง 6-7 ปีกว่าจะสุก และใช้เวลาอีกถึง 2 ปี กว่าจะแทงยอดงอกออกมา
คลังภาพ


ต้นมะพร้าวทะเล บน เกาะ Praslin


ผลของเลิฟนัทก่อนปลอกเปลือก


อันนี้เมล็ดเลิฟนัท(กะลา) เมื่อปลอกเปลือกออก(รู้สึกจะปลอกไม่ค่อยเกลี้ยงนะ)


ภาพผลเลิฟนัท เมื่อผ่าครึ่งกะลาออกมา


ช่อดอกเพศผู้ ของ มะพร้าวทะเล ยาวได้ถึง 1 เมตร

ข้อมูลอ้างอิง

  • http://en.wikipedia.org/wiki/Coco_de_Mer