นาย Manuel Uribe Garza เกิดเมือวันที่ 11 June 1965 เป็นชาวเมือง Nuevo León ประเทศ เม็กซิโก ( Mexico ) ได้ถูกบันทึกว่าเป็นคนที่มีน้ำหนักมากที่สุดในโลก ด้วยน้ำหนักตอนที่หนักที่สุดถึง 597 กิโลกรัม และในปี 2001 เขาไม่สามารถลุกจากเตียงนอนได้้อีกเนื่องจากน้ำหนักตัวของเขา ต่อมาเขาได้รับการช่วยเหลือจากทีมหมอ และนักโภชนาการ เื่พื่อช่วยลดน้ำหนัก โดยน้ำหนักที่ทำการวัดเมื่อปี 2008 เมื่อเขามีอายุ 43 ปี เขามีน้ำหนัก 369 กิโลกรัม
ข้อมูลน้ำหนักของนาย Manuel Uribe Garza
- 1965: เมื่อแรกเกิดเขาหนัก 3.3 kg (7.5 lb)
- 1984: เมื่ออายุ 19 ปีเขามีน้ำหนัก 121.5 kg (266 lb)
- 1988: เมื่ออายุ 23 ปีเขามีน้ำหนัก 127 kg (280 lb)
- 1990: เมื่ออายุ 25 ปีเขาพุ่งขึ้นอย่างเฉียบผันเป็น 184 kg (406 lb)
- 1995: เมื่ออายุ 30 ปีเขามีน้ำหนัก 248 kg (546 lb)
- 1996: เมื่ออายุ 31 ได้รับการช่วยเหลือให้ลดน้ำหนักจากสถานลดความอ้วน Tummy tuck เขาสามารถลดน้ำหนักลงได้ 88.9 kg (196 lb) ทำให้เขาเหลือน้ำหนักเพียง 160 kg (350 lb)
- 1999: เมื่ออายุ 34 น้ำหนักกลับพุ่งขึ้นไปเป็น 502 kg (1,106 lb) ภายในเวลาเพียง 3 ปีเท่านั้น
- 2006:เมื่ออายุ 41 เขาลดน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหารโดยสามารถลดน้ำหนักจาก 597 kg (1,316 lb) เป็น 552 kg (1218 lb)
- 2007 : เมื่ออายุ 42 ขาลดน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหารได้อีก 181 kg (400 lb) ทำให้เขาเหลือน้ำหนักเพียง 381 kg (840 lb)
- 2008: เมื่ออายุ 43 เขาลดน้ำหนักได้ีอีกเพีียงเล็กน้อยเพียง 12 kg (26 lb) ทำให้ปัจจุบันเขามีน้ำหนัก 369 kg (814 lb).
ภาพเหตุการณ์เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2008 นายManuel Uribe Garza ได้เขาพิธีแต่งงานกับ Claudia Solis เขาในเสื้อสูทผ้าไหมสีขาว ใช้ผ้าคลุมแทนกางเกง พวกเขาคบกันมากว่าสี่ปีก่อนแต่งงาน
นายManuel Uribe Garza กับ Claudia Solis
ภายหลังจากปี 2001 เนื่องจากน้ำหนักตัวที่มากทำให้เขาไม่สามารถเดินได้อีก ทำให้เขาต้องใช้ชีวิตอยู่บนเตียงนอน ถ้าต้องการออกเดินทางไปข้างนอกก็ต้องยกเตียงขึ้นหลังรถบรรทุก ไม่เว้นในวันแต่งงานก็ตาม
ข้อมูลอ้างอิง ชายที่อ้วนที่สุดในโลก
นายManuel Uribe Garza กับ Claudia Solis
ภายหลังจากปี 2001 เนื่องจากน้ำหนักตัวที่มากทำให้เขาไม่สามารถเดินได้อีก ทำให้เขาต้องใช้ชีวิตอยู่บนเตียงนอน ถ้าต้องการออกเดินทางไปข้างนอกก็ต้องยกเตียงขึ้นหลังรถบรรทุก ไม่เว้นในวันแต่งงานก็ตาม
http://en.wikipedia.org/wiki/Manuel_Uribe_Garza
http://www.timesonline.co.uk/tol/news/world/us_and_americas/article5020806.ece