หากจะกล่าวถึงสุดยอดนักมายากลหลบหนี คงไม่มีใครจะยิ่งใหญ่ไปกว่า แฮรี่ ฮูดินี่(Harry Houdini) นักมายากลเชื้อสายฮังกาเลี่ยนอเมริกัน ผู้นี้ และโชว์ที่นำเขาสร้างสรรค์จนนำเขาสู่จุดสุด
รายละเอียด สุดยอดโชว์จาก ฮูดินี่
ใน ปี 1896 ฮูดินี่ ได้สร้างสรรค์ สุดยอดการหลบหนีจากชุดเจ็คเก็ตสำหรับคนโรคจิต(Straitjacket เป็น ชุดแขนยาวมาก แขนเสื้อยาวๆนี้มีไว้สำหรับนำมามัดกันเพื่อป้องกันการทำร้ายตนเอง และผู้อื่นเมื่อผู้ป่วยอาละวาท) เมื่อ ฮูดินี่ถูกพันธนาการอย่างแน่นหนา เขาจะถูกนำไปผูกห้อยหัวลงบนยอดตึกสูง หรือ เครน ต่อหน้าธารกำนัล และมันคือ จุดเริ่มต้นแห่ง นักมายากลหลบหนีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
ต่อมาในปี 1898 ฮูดินี่ ได้สร้างกลหลบหนีชุดใหม่ จากกุญแจมือ ฮูดินี่ได้เพิ่มความน่าสนใจแก่โชว์ของเขาเมื่อเขาเสนอว่า หากมีใครสามารถพันธนาการเข้าไว้ด้วยกุญแจมือจนเขาไม่สามารถสะเดาะออกเขาจะ จ่ายเงินให้ทันที 100 ดอลล่า แต่ก็ไม่เคยมีใครได้รับตังค์จากเขา ไม่ใช่เขาไม่จ่ายแต่เพราะเขาสามารถสะเดาะออกได้ทุกครั้ง ไม่เว้นแม้แต่กุญแจมือของ สกอตแลนด์ ยาร์ด (Scotland Yard) ในปี 1900
อีกโชว์ที่โด่งดังของ ฮูดินี่ คือการหลบหนีจากโซ่ตรวน และกุญแจมือ หลังจากระโดดลงแม่น้ำ Seine ใน ปารีส ณ จุดนี้ ฮูดินี่ก้าวขึ้นสู่สุดยอด เอ็นเตอร์เทนเนอร์ ของ ยุโรป เขาสามารถทำรายได้ได้มากกว่า 2000 เหรียญยูเอส
ฮูดินี่ ชื่นชอบที่จะแสดงโชว์ กระโดดลงจากสะพาน ลงสู่อ่าวซานฟรานคซิสโก พร้อมกับลูกตุ้มเหล็กหนัก 75 ปอนด์ผูกติดไว้ที่ข้อเท้า มือไคว้หลังล็อคด้วยกุญแจมืออีกชั้นหนึ่ง
ในวันที่ 27 มกราคม 1908 ที่ เซนต์หลุยส์ ฮูดินี่ ได้แสดงโชว์ หลบหนีจากถังนมขนาดใหญ่ ที่ภายในถูกใส่น้ำไว้เต็ม ที่ถูกปิดล็อคฝาไว้ด้วยแม่กุญแจ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่มีผู้เลียนแบบโชว์นี้ของเขา ทำให้ ฮูดินี่เบื่อที่จะแสดงโชว์นี้อีก
ต่อมาในปี 1914 ฮูดินี่ได้สร้างโชว์ คุกน้ำแดนมังกร(Chinese water torture cell) โดย ฮูดินี่จะถูกขังอยู่ในกรงที่เต็มไปด้วยน้ำ ห้อยหัวลง
ในปี 1918 ฮูดินี่ ได้แสดงโชว์มายากล ช้างล่องหน(Vanishing Elepant) ในขณะไม่เคยมีนักมายากลคนใดสามารถ เสกสิ่งของที่ใหญ่เท่าช้างหายได้มาก่อน โชว์นี้จัดแสดงขึ้นบนเวทีใน Hippodrome ใน กรุงนิวยอร์ค
หนึ่งในโชว์ที่น่าหวาดเสียวที่สุดของ ฮูดินี่ ก็คือการกลืนใบมีดโกนที่ผูกติดกันเป็นแถวยาวลงลำคอ และสาวออกมาโดยปลอดภัย
ข้อมูลอ้างอิง
- http://plaza.ufl.edu/jschiff/project2/project2_3.html