ภาระกิจกู้ชีวิต คนงานเหมือง ใน ชิลี ( San Jose mine )

ร่วมเป็นกำลังใจ ต่อ ภาระกิจกู้ชีพ คนงานเหมือง


Final ในที่สุดก็เข้าสู่โค้งสุดท้าย ทีมกู้ภัยก็ใกล้จะประสบความสำเร็จ ในการเจาะอุโมงค์ เพื่อช่วยเหลือ คนงานเหมืองชาวชิลี 33 ชีวิต ที่ติดอยู่ใต้พื้นโลกที่ความลึกว่า ครึ่งกิโลเมตร เป็นระยะเวลากว่า 2 เดือน เร็วกว่ากำหนดที่ตั้งไว้ถึง 2 เดือน

รายละเอียด ภาระกิจกู้ชีพ

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ เหมืองทองแดง ชื่อว่า San Jose ในเมือง Copiapo ประเทศชิลี ภาระกิจกู้ชีพครั้งนี้ เป็นภาระกิจที่ยิ่งใหญ่ ซับซ้อนที่สุดในโลก ในประวัติศาสตร์การทำเหมือง ขณะนี้เหลือความลึกในการเจาะอุโมงค์อีกเพียง 39 เมตร จากความลึกที่ต้องขุดเจาะถึง 624 เมตร


ภาพแสดงระยะเวลาในภาระกิจนี้
  • 6 สิงหาคม 2553 เหมืองถล่มลงมา
  • 22 สิงหาคม จากการส่งกล้องลงไปตามช่องระบายอากาศ พบ และได้รับการติดต่อจาก พนังงานเหมืองว่ามีผู้รอดชีวิต
  • 17 กันยายน เริ่มขุดเจาะด้วย เครื่องเจาะ Schramm T-130
  • คาดว่าวันที่ 10 ตุลาคม อุโมงค์จะขุดเจาะสำเร็จ

ภาพแสดงตำแหน่ง พื้นที่บริเวณเหมือง
  • โดย DRILL A คือตำแหน่งติดตั้งเครื่องเจาะ A ตำแหน่งนี้งานล่าช้าที่สุด
  • ส่วน DRILL B คือตำแหน่งติดตั้งเครื่องเจาะ B ตำแหน่งนี้งานล่า
  • และ จุดสีเหลือง DRILL B คือ ตำแหน่งเครื่องเจาะ Schramm T-130 ที่คาดว่าจะประสบความเสร็จ ในการกู้ชีพครั้งนี้ ในไม่กี่วันข้างหน้า

ภาพตัดแสดง ภาระกิจกู้ชีพคนงานเหมือง
  • สีเทาเข้มตรงกลางเป็น แนวอุโมงค์เหมือง
  • ไล่ลงไปเรื่อยๆจะพบ จะพบข้อความ "TUNNEL COLLAPSED" คือตำแหน่งที่เหมืองถล่ม กักพนักงานเหมืองไว้เบื้องล่าง 33 ชีวิต
  • ไล่ลงไปเรื่อยอีกจะพบกรอบสีดำ และข้อความ WORKSHOP ARER คือห้องทำงาน ที่พนักงานเหมืองใช้เป็นพื้นที่ อาศัย และด้านหน้าของบริเวณนี้คือตำแหน่งที่ แคปซูลช่วยชีวิตจะลงมารับตัวคนงานเหมือง ขึ้นสู่ด้านบน
  • ไล่ลงไปอีกนิดจะพบกรอบสีดำ และข้อความ REFUGE AREA คือ พื้นที่หลบภัย ที่ เหมืองใช้เป็นพื้นที่ อาศัย
อุปกรณ์ช่วยชีวิต คนงานเหมือง ตลอดระยะเวลา 64 วันที่ผ่านมา และในภาระกิจสุดท้าย
  • หลายคนอาจสงสัยว่า พวกเขารอดชีวิตอยู่ได้อย่างไร ตลอดเวลา 64 วันที่ผ่านมา
  • เนื่องจากถึงเหมืองไม่ถล่ม เหมืองที่ลึกถึงขนาดนี้จะมีการเจาะช่องระบายอากาศ พร้อมระบบระบายอากาศ และส่งอากศลงสู่เบื้องล่างไว้เป็นระยะๆ ทำให้พวกเขาไม่ขาดอากาศหายใจตาย เมื่อติดอยู่ในเหมือง
  • ก่อนที่จะมีการค้นพบว่าพวกเขารอดชีวิตก็กินเวลาถึง 16 วัน ระหว่างนั้นพวกเขาอาศัยกิน ดื่ม อาหาร ที่มีในพื้นที่หลบภัย
  • หลังจากมีพบว่าพวกเขารอดชีวิตอยู่เบื้องล่าง 33 ชีวิต มีการเจาะรูขนาดเล็ก เส้นผ่านศูนย์กลาง 15 เซ็นติเมตร ที่มีชื่อเรียกว่า Supply Line เพื่อส่ง กระบอกรูปทรงจรวดความยาว 1.6 เมตร ที่มีชื่อเรียกว่า Paloma ภายในมีการใส่ อาหารเสริมที่อยู่รูปน้ำ ยา เวชภัณฑ์ต่างๆ และอุปกรณ์สร้างแสงสว่าง อื่นๆ ลงไปให้ คนงานเหมือง
  • หลังจากการเจาะอุโมงค์สำเร็จ จะมีการเสริมความแข็งแรงอุโมงค์ด้วยท่อเหล็ก ป้องกันอุโมงค์นี้ถล่มลงมา
  • แล้วจะมีการส่ง แคปซูลเหล็กขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 54 เซ็นติเมตร ลงไปตามอุโมงค์ เพื่อใช้สำหรับดึงตัว คนงานเหมืองขึ้นมาทีละคน ซึ่งอาจใช้เวลาในการดึงต่อคน 15 - 25 นาที/คน
  • โดยรอบของ แคปซูล มีการติดตั้งล้อ เพื่อลดแรงเสียดทาน ระหว่าง แคปซูล และผนังในระหว่างการดึงแคปซูล ขึ้นมา
  • ภายในแคปซูลมีการติดตั้ง กล้อง และวิทยุ เพื่อใช้ติดต่อสื่อสาร กัน ระหว่าง คนงานเหมืองกับ ทีมกู้ภัยด้านบน
  • แคปซูลนี้มีความยาว 3.9 เมตร หนัก 420 กิโลกรัม ภายในมีความกว้างพอเพียงแค่ยืนเท่านั้น จึงนั้นยิ่งทำให้เกิดความปลอดภัยยิ่งขึ้น ถึงแม้คนงานจะเป็นลม หรือหมดสติในระหว่างการดึงตัวขึ้น พวกเขาก็จะไม่ได้รับอันตราย จากการล้ม

รถเครนกำลังยก แคปซูลกู้ภัย ที่จะถูกส่งลงไปตามอุโมงค์ เพื่อนำตัวคนงานเหมืองขึ้นสู่อิสระภาพ


หน้าตาของคนงานเหมืองทั้ง 33 คน ที่ติดอยู่ใต้พื้นโลกกว่า 600 เมตร เป็นเวลากว่า 2 เดือน ล่วงมาแล้ว

ข้อมูลอ้างอิง